สมาชิกสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติทั้ง 193 ประเทศ เริ่มต้นการประชุมพิเศษวาระฉุกเฉินกรณีวิกฤตการณ์ในยูเครนเมื่อวานนี้ (28 กุมภาพันธ์) ตามเวลาท้องถิ่น ก่อนจะมีการลงมติโดดเดี่ยวรัสเซียภายในสัปดาห์นี้ ด้วยการประณามการรุกรานยูเครน และเรียกร้องให้กองทัพรัสเซียยุติการสู้รบและถอนกำลังทหารออกจากยูเครน
โดยร่างมติประณามรัสเซียจากที่ประชุมสมัชชาใหญ่ UN จะมีเนื้อหาคล้ายกับมติจากที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ซึ่งถูกรัสเซียในฐานะสมาชิกถาวรใช้สิทธิวีโต้คัดค้านเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (25 กุมภาพันธ์)
ขณะที่มติของสมัชชาใหญ่ UN นั้น ไม่มีประเทศใดสามารถวีโต้คัดค้านได้ โดยต้องการเสียงสนับสนุนจากชาติสมาชิกเพียง 2 ใน 3 เพื่อรับรองมติ ซึ่งแม้จะไม่มีผลผูกพันหรือบังคับให้รัสเซียยุติการทำสงครามในยูเครนได้ แต่ก็มีผลในทางการเมืองระหว่างประเทศ ซึ่งสหรัฐฯ และชาติพันธมิตรมองว่าการออกมติของ UN จะเป็นโอกาสที่แสดงให้เห็นว่ารัสเซียนั้นถูกโดดเดี่ยวจากประชาคมโลก ซึ่งเป็นผลจากการกระทำที่รุกรานเพื่อนบ้านอย่างยูเครน
เบื้องต้นมีรายงานจากนักการทูตหลายคนที่ระบุว่า มีอย่างน้อย 80 ประเทศสมาชิกที่สนับสนุนร่างมติประณามรัสเซียดังกล่าว ขณะที่ยังมีผู้แทนอีกกว่า 100 ประเทศที่มีกำหนดขึ้นกล่าวถึงสถานการณ์ในยูเครนก่อนจะมีการลงมติ
เซอร์เก คิสลิตสยา เอกอัครราชทูตยูเครนประจำ UN ขึ้นกล่าวต่อที่ประชุม วิจารณ์การกระทำของรัสเซีย พร้อมระบุถึงท่าทีของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ที่สั่งเตรียมพร้อมกองกำลังป้องปรามนิวเคลียร์ก่อนหน้านี้ ว่าเป็นการตัดสินใจที่บ้าคลั่ง และกล่าวหากองทัพรัสเซียว่าพุ่งเป้าโจมตีอาคารบ้านเรือนและโครงสร้างพื้นฐานของพลเรือน โดยชี้ว่าเป็นการ ‘ก่ออาชญากรรมสงคราม’ ซึ่งเขาย้ำถึงผลลัพธ์จากการบุกยูเครนของรัสเซียว่า หากยูเครนไม่รอด สันติภาพของนานาประเทศและ UN ก็ไม่รอดเช่นกัน
ขณะที่วาซิลี เนเบนเซีย เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำ UN ได้ขึ้นกล่าวปกป้องการตัดสินใจรุกรานยูเครน โดยกล่าวหารัฐบาลเคียฟว่าละเมิดข้อตกลงสันติภาพมินสก์ที่ทำกับกลุ่มกบฏในดอนบาส พร้อมยืนยันว่ารัสเซียต้องการปลดกำลังทหารและกำจัดกลุ่มสนับสนุนแนวคิดนีโอนาซีในยูเครน และอ้างว่าการกระทำของรัสเซียนั้นเป็นการ ‘ป้องกันตนเอง’ และเป็นไปตามมาตราที่ 51 ของกฎบัตรสหประชาชาติ แต่สมาชิกชาติอื่นคัดค้าน โดยชี้ว่ารัสเซียนั้นละเมิดมาตราที่ 2 ที่ห้ามประเทศต่างๆ ใช้กำลังในการแก้ไขวิกฤต
ทั้งนี้เนเบนเซียยืนยันว่า กองทัพรัสเซียไม่กระทำการที่เป็นภัยคุกคามต่อพลเรือนของยูเครน และยืนยันว่าไม่มีการโจมตีพื้นที่อาศัยของพลเรือน ซึ่งขัดแย้งกับรายงานและภาพที่ปรากฏในสื่อทั่วโลกที่ชี้ว่ารัสเซียยิงปืนใหญ่และมิสไซล์โจมตีพื้นที่ชุมชน จนทำให้มีพลเรือนเสียชีวิต
อย่างไรก็ตาม ทางด้านจางจวิน เอกอัครราชทูตจีนประจำ UN ขึ้นกล่าวต่อที่ประชุม ชี้ว่าไม่มีใครได้อะไรจากการก่อสงครามเย็นครั้งใหม่ และยังคงยืนกรานปฏิเสธที่จะประณามการกระทำของรัสเซีย แต่เรียกร้องให้มีการเจรจาเพื่อยุติความรุนแรง
ภาพ: Photo by Michael M. Santiago / Getty Images
อ้างอิง:
