ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศว่า สหรัฐฯ จะห้ามการนำเข้าอาหารทะเล วอดก้า และเพชร จากรัสเซีย พร้อมเรียกร้องให้สภาคองเกรสเพิกถอนสถานะความสัมพันธ์ทางการค้าปกติกับรัสเซีย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่จะเพิ่มแรงกดดันทางเศรษฐกิจต่อรัสเซีย เพื่อตอบโต้กรณีรุกรานยูเครน
ไบเดนกล่าวว่า สหรัฐฯ พร้อมด้วยกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก (G7) และสหภาพยุโรป (EU) จะร่วมกันผลักดันการเพิกถอนสถานะ “ชาติที่ได้รับความอนุเคราะห์ยิ่ง” (Most-Favored Nation: MFN) สำหรับรัสเซีย โดยสถานะดังกล่าวเป็นหลักการปฏิบัติต่อสินค้าจากประเทศสมาชิกองค์การการค้าโลก (WTO) อย่างเท่าเทียมกัน
ทั้งนี้ MFN เทียบได้กับสถานะความสัมพันธ์ทางการค้าแบบปกติถาวร (Permanent Normal Trade Relations: PNTR) ในสหรัฐฯ ซึ่งสถานะดังกล่าวหมายความว่า สองประเทศตกลงที่จะค้าขายภายใต้เงื่อนไขที่ดีที่สุด ซึ่งอาจรวมถึงภาษีที่ต่ำกว่า อุปสรรคทางการค้าที่น้อยกว่า และการนำเข้าสูง
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวต้องได้รับการอนุมัติจากสภาคองเกรส และคาดว่าจะมีการออกกฎหมายหลังจากการประกาศของไบเดน
“การเพิกถอนสถานะ PNTR สำหรับรัสเซีย จะทำให้รัสเซียทำธุรกิจกับสหรัฐฯ ได้ยากขึ้น และการดำเนินการดังกล่าวร่วมกับประเทศอื่นๆ ที่รวมกันเป็นครึ่งหนึ่งของเศรษฐกิจโลกนั้น จะเป็นอีกหนึ่งความเคลื่อนไหวที่สร้างความเสียหายร้ายแรงต่อเศรษฐกิจรัสเซียที่ประสบปัญหาอย่างหนักอยู่แล้วจากการคว่ำบาตรของเรา” ไบเดนกล่าว
ไบเดนประกาศด้วยว่า สหรัฐฯ จะแบนสินค้าจากภาคส่วนต่างๆ ของเศรษฐกิจรัสเซีย ซึ่งรวมถึงอาหารทะเล วอดก้า และเพชร โดยทำเนียบขาวระบุว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะส่งผลให้รัสเซียสูญรายได้จากการส่งออกมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์
ข้อมูลจาก National Oceanic and Atmospheric Administration เผยให้เห็นว่า สหรัฐฯ นำเข้าอาหารทะเลจำนวน 48,867 ตันจากรัสเซียในปี 2021 คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1.2 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นปู โดยเฉพาะปูหิมะและปูอลาสก้าแช่แข็ง ที่คิดเป็นมูลค่ากว่า 900 ล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว ในทางกลับกันสหรัฐฯ ไม่ได้ขายอาหารทะเลให้กับรัสเซียโดยตรง เนื่องจากรัสเซียแบนอาหารทะเลและปลาส่งออกของสหรัฐฯ ในปี 2014
ขณะที่การนำเข้าวอดก้าจากรัสเซียคิดเป็นเพียง 1.3% ของการนำเข้าวอดก้าทั้งหมดของสหรัฐฯ ในปี 2021 รวมมูลค่า 18.5 ล้านดอลลาร์ ตามข้อมูลของ Distilled Spirits Council of the United States
นอกจากแบนสินค้านำเข้าแล้ว ไบเดนยังจะลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อระงับการส่งออกสินค้าฟุ่มเฟือย เช่น สุรา ยาสูบ เสื้อผ้า เครื่องประดับ รถยนต์ และวัตถุโบราณ ไปยังรัสเซียด้วย
ขณะเดียวกันผู้นำสหรัฐฯ ยังประกาศอีกว่า บรรดาผู้นำ G7 จะพยายามขัดขวางความสามารถของรัสเซียในการกู้ยืมเงินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และธนาคารโลก
“เราจะบีบปูตินต่อไป” ไบเดนกล่าว พร้อมเสริมว่า “ปูตินต้องชดใช้” ที่เปิดฉากโจมตียูเครน
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ไบเดนได้สนทนาทางโทรศัพท์กับ ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน เป็นเวลา 49 นาที โดยผู้นำสหรัฐฯ ได้อธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการใหม่ทางการค้าที่สหรัฐฯ กำลังจะประกาศใช้ให้ผู้นำยูเครนได้รับทราบ เจ้าหน้าที่วงในเผยกับ CNN
แหล่งข่าวเผยว่า การสนทนาทางโทรศัพท์ส่วนใหญ่ระหว่างผู้นำทั้งสองนับตั้งแต่การรุกรานของรัสเซียจะกินเวลาราว 30-40 นาที แต่การพูดคุยครั้งล่าสุดใช้เวลานานขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากไบเดนพยายามเน้นย้ำให้เซเลนสกีเห็นว่า สหรัฐฯ ดำเนินการอย่างไรเพื่อระงับความสัมพันธ์ทางการค้าตามปกติเพื่อลงโทษเครมลิน
ด้านเซเลนสกีทวีตข้อความว่า เขาประเมินสถานการณ์ในสนามรบให้ไบเดนทราบ พร้อมทั้งให้ข้อมูลเกี่ยวกับการก่ออาชญากรรมของรัสเซียต่อพลเรือน และผู้นำทั้งสองเห็นพ้องกันที่จะเพิ่มมาตรการเพื่อสนับสนุนการป้องกันประเทศของยูเครน และเพิ่มการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย
ภาพ: Tom Williams / CQ-Roll Call, Inc via Getty Images
อ้างอิง: