ทางการยูเครนรายงานเหตุโจมตีด้วยขีปนาวุธครั้งใหญ่ ทั้งในกรุงเคียฟและอีกหลายเมืองทั่วประเทศอย่าง วินนิตเซีย ทางตอนกลาง คาร์คีฟ ทางตะวันออกเฉียงเหนือ ดนีโปรและซาปอริซเซีย ทางตะวันออกเฉียงใต้ และ เมืองลวิฟ ทางตะวันตก ตั้งแต่ช่วงเช้าวันนี้ (31 ตุลาคม) ตามเวลาท้องถิ่น
การโจมตีดังกล่าว พุ่งเป้าไปที่โครงสร้างพื้นฐานสำคัญต่างๆ ซึ่งรวมถึงโรงงานผลิตไฟฟ้าและน้ำประปา โดยกองทัพยูเครนรายงานว่า รัสเซียได้ยิงขีปนาวุธโจมตีมากกว่า 50 ลูก
ในกรุงเคียฟ ซึ่งมีเสียงระเบิดจากการโจมตีดังขึ้นหลายระลอก พบว่าหลายพื้นที่ของเมืองไม่สามารถใช้งานระบบไฟฟ้าและน้ำประปาได้ ขณะที่รถไฟใต้ดินภายในเมืองส่วนใหญ่ก็ระงับให้บริการ
โดย วิตาลี คลิตช์โก นายกเทศมนตรีกรุงเคียฟ รายงานว่า โรงไฟฟ้าแห่งหนึ่งที่จ่ายไฟฟ้าให้แก่ห้องพักในอพาร์ตเมนต์ต่างๆ ภายในเมืองกว่า 3.5 แสนห้อง ได้รับความเสียหายหนัก ซึ่งทางการกำลังเร่งซ่อมแซมระบบไฟฟ้าให้กลับมาใช้การได้
เบื้องต้นยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตจากการโจมตีที่เกิดขึ้น ซึ่งทางการได้ประกาศเตือนประชาชนให้หลบการโจมตีอยู่ในที่หลบภัย ขณะที่โฆษกกองทัพอากาศยูเครนเปิดเผยว่า รัสเซียได้ใช้เครื่องบินทิ้งระเบิดในการโจมตีด้วยขีปนาวุธระลอกนี้
ด้าน ดมิโทร คูเลบา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศยูเครน ประณามรัสเซียที่พุ่งเป้าโจมตีโครงสร้างพื้นฐานของพลเรือน
“แทนที่จะสู้ในสนามรบ รัสเซียกลับต่อสู้กับพลเรือน” คูเลบากล่าว
ขณะที่การโจมตีมีขึ้นหลังรัสเซียประกาศระงับข้อตกลงอนุญาตให้ส่งออกเมล็ดธัญพืชออกจากท่าเรือในทะเลดำในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ภายหลังเกิดเหตุโดรนของยูเครนโจมตีเมืองเซวาสโตโปลในแคว้นไครเมีย แม้ว่าล่าสุดวันนี้จะยังมีรายงานว่า เรือสินค้า 12 ลำเดินทางออกจากท่าเรือของยูเครนในทะเลดำ
ภาพ: DIMITAR DILKOFF / AFP
อ้างอิง: