กองทุน ETF ของรัสเซียเริ่มรีบาวด์ หลังนักลงทุนบางกลุ่มกระโดดเข้าลงทุน

เว็บไซต์สถานีโทรทัศน์ Al Jazeera รายงานว่า Exchange Traded Fund (ETF) หรือกองทุน ETF ยังคงเป็นหนึ่งในไม่กี่วิธีที่เหลือในการเข้าไปลงทุนในรัสเซีย หลังเผชิญกับมาตรการคว่ำบาตรจากชาติตะวันตกที่ต้องการลงโทษรัฐบาลกรุงมอสโกจากการรุกรานยูเครน

รายงานระบุว่า กองทุน ETF ที่เข้าไปลงทุนในตลาดรัสเซียขยับปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่า 100 เปอร์เซ็นต์ในตลาดลอนดอนเมื่อวันที่ 3 มีนาคมที่ผ่านมา นับเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่านักลงทุนบางส่วนเริ่มมองเห็นสถานการณ์ในขณะนี้สมควรเป็นจุดเริ่มต้นในการช้อนซื้อสินทรัพย์รัสเซียในราคาไม่แพง แม้ว่าวิกฤตในยูเครนจะทวีความรุนแรงขึ้นก็ตาม

โดยกองทุน ETF ถือเป็นหนึ่งในไม่กี่วิธีที่เหลืออยู่ในการปรับพอร์ตเข้าไปลงทุนในตลาดรัสเซียหลังโดนคว่ำบาตรจากตะวันตก โดยกองทุน ETF รัสเซียยังคงมีการซื้อขายอยู่แม้ว่าสภาพคล่องในสินทรัพย์อ้างอิงจะร่อยหรอลงจนยากที่จะประมาณค่าที่ถูกต้องได้

ขณะเดียวกันแม้ว่านักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงหลีกเลี่ยงที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ของรัสเซีย แต่กองทุน ETF iShares Russia ของ BlackRock ซึ่งติดตามการรับเงินฝากของบริษัทสัญชาติรัสเซียชั้นนำอย่าง Sberbank และ Gazprom มีการขยับเพิ่มขึ้นมากถึง 10 เปอร์เซ็นต์ หลังจากแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในวันพุธที่ผ่านมา (2 มีนาคม)

อย่างไรก็ตาม โดยสรุปในภาพรวมแล้วราคาของ ETF เหล่านี้ยังคงลดลงมากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ในปีนี้ และความผันผวนจะยังคงอยู่ในระดับสูง จนกว่าจะมีสัญญาณของการแก้ปัญหาที่เป็นไปได้สำหรับวิกฤตขัดแย้งรัสเซียกับยูเครน โดยมีรายงานการเจรจาสันติภาพรอบต่อไปในวันพฤหัสบดี ที่เพิ่มความหวังสำหรับหลายคน

วันเดียวกันมีรายงานว่า บรรดาเศรษฐีทั้งหลายในรัสเซียต่างวิ่งเข้าหาเครื่องประดับ อัญมณี และนาฬิกาแบรนด์หรูอย่างมาก เนื่องจากสินค้าเหล่านี้มีสถานะใกล้เคียงกับทองคำ คือ สามารถทำหน้าที่เป็นตัวเก็บมูลค่าและป้องกันภาวะเงินเฟ้อได้ อีกทั้งนาฬิกาสุดหรูและเครื่องประดับสามารถถือหรือแม้กระทั่งเพิ่มมูลค่าได้ท่ามกลางความวุ่นวายทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน โดยเฉพาะผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรของชาติตะวันตก

รายงานระบุว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามรักษามูลค่าทรัพย์สินของเหล่าเศรษฐีกระเป๋าหนัก หลังการคว่ำบาตรฉุดให้ค่าเงินรูเบิลร่วงลงอย่างหนัก ขณะที่การซื้อขายในตลาดหุ้นถูกสั่งปิดทำการชั่วคราว

ทั้งนี้ยอดขายของ Bulgari แบรนด์เครื่องประดับหรูของอิตาลี ภายในร้านค้าทั่วรัสเซีย เพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา โดย ฌอน-คริสตอฟ บาบิน (Jean-Christophe Babin) กล่าวว่า เครื่องประดับของ Bulgari ถือเป็น ‘การลงทุนที่ปลอดภัย’ ในระยะสั้น

แม้ว่าแบรนด์สินค้าอุปโภคบริโภคตั้งแต่ Apple Inc. ไปจนถึง Nike Inc. และบริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่อย่าง BP Plc, Shell Plc และ Exxon Mobil Corp. จะถอนตัวออกจากรัสเซียแล้ว แต่ Bulgari กลับเป็นแบรนด์หรูที่ใหญ่ที่สุดของยุโรปที่ยังคงพยายามดำเนินการในประเทศรัสเซียต่อไป

นอกจาก Bulgari แล้ว ยังมีแบรนด์หรูอื่นๆ ที่ยังคงอยู่ในตลาดรัสเซียต่อไป ไม่ว่าจะเป็น Cartier ของ Richemont ที่จัดจำหน่ายเครื่องประดับและนาฬิกา หรือนาฬิกา Omega ของ Swatch Group ยังคงมีวางจำหน่ายอยู่ เช่นเดียวกับ Rolex

อย่างไรก็ตาม บริษัทแบรนด์หรูทั้งหมดข้างต้นต่างเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและพร้อมอพยพออกจากรัสเซีย โดยย้ำว่า กรณีที่สถานการณ์รุนแรงให้ปิดร้านค้าได้ทันที และหลีกเลี่ยงการซื้อขายและจัดส่งสินค้าผ่านระบบออนไลน์

อ้างอิง

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH