ทางการยูเครนเปิดเผยว่า รัสเซียได้ก่อเหตุยิงจรวดโจมตีสถานีรถไฟแห่งหนึ่งในเมือง Chaplyne ทางภาคตะวันออกของยูเครน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 22 คน และบาดเจ็บอีกหลายสิบคน โดยเหตุเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นวันฉลองการประกาศอิสรภาพของยูเครน ครบรอบปีที่ 31 และตรงกับวันครบรอบ 6 เดือนที่รัสเซียเปิดฉากสงครามบุกยูเครน
ทางการยูเครนรายงานว่า ในจำนวนผู้เสียชีวิตจากการโจมตีด้วยจรวดดังกล่าว พบว่ามีเด็กชายวัย 11 ขวบรวมอยู่ด้วย และมี 5 คนที่เสียชีวิตจากการถูกไฟคลอกอยู่ภายในรถ
ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ประกาศข่าวการโจมตีที่เกิดขึ้น ระหว่างแถลงผ่านทางวิดีโอในการประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ช่วงเย็นวานนี้ ซึ่งเขาระบุว่ามีผู้บาดเจ็บกว่า 50 คน และเป็นไปได้ว่าผู้เสียชีวิตอาจเพิ่มสูงขึ้น
“นี่คือวิธีที่รัสเซียเตรียมพร้อมสำหรับการประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ตู้โดยสารสี่ตู้ถูกไฟไหม้ในขณะนี้ จำนวนผู้เสียชีวิตอาจเพิ่มขึ้นอีก” เขากล่าว
ขณะที่รัฐบาลรัสเซียยังไม่แสดงท่าทีใดๆ ต่อข่าวการยิงจรวดโจมตีดังกล่าว ซึ่งที่ผ่านมา รัสเซียยืนกรานปฏิเสธว่าไม่เคยพุ่งเป้าโจมตีโครงสร้างพื้นฐาน หรือเป้าหมายของพลเรือน
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากที่เมื่อเดือนเมษายน เกิดเหตุยิงขีปนาวุธโจมตีสถานีรถไฟในเมืองกรามาตอสก์ ทางตะวันออกของยูเครน จนส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 50 คน ซึ่งต้องสงสัยว่าอาจเป็นการโจมตีโดยฝ่ายรัสเซีย
ด้าน แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ประณามการโจมตีดังกล่าว และยืนยันว่าสหรัฐฯ และพันธมิตรทั่วโลก จะยืนหยัดเคียงข้างยูเครน และหาทางทำให้รัสเซียรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้น
“การโจมตีด้วยขีปนาวุธของรัสเซียในสถานีรถไฟที่เต็มไปด้วยพลเรือนในยูเครนนั้น สอดคล้องกับรูปแบบการกระทำอันโหดเหี้ยม เราจะดำเนินการร่วมกับพันธมิตรจากทั่วโลกเพื่อยืนหยัดเคียงข้างยูเครน และแสวงหาความรับผิดชอบจากเจ้าหน้าที่ของรัสเซีย” บลิงเคนระบุในทวีตข้อความ
ภาพ: Fadel Senna / AFP
อ้างอิง: