ดิมิทรี เปสคอฟ โฆษกของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แสดงท่าทีระหว่างการให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นเมื่อวันอาทิตย์ (24 มกราคม) ที่ผ่านมา โดยกล่าวหารัฐบาลสหรัฐฯ ว่าแทรกแซงกิจการภายในของรัสเซีย หลังกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ประณามการกระทำของรัฐบาลเครมลิน ที่ใช้ความรุนแรงต่อกลุ่มผู้ประท้วงและนักข่าว ในระหว่างการชุมนุมสนับสนุน อเล็กเซย์ นาวัลนี ผู้นำฝ่ายค้านของรัสเซียเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ซึ่งสหรัฐฯ ยังเรียกร้องให้รัสเซียปล่อยตัวกลุ่มผู้ประท้วงที่ถูกจับกุมด้วย
โดยช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา กลุ่มผู้สนับสนุนนาวัลนีจำนวนหลายหมื่นคนออกมาร่วมการชุมนุมประท้วงในกรุงมอสโกและหลายเมือง เพื่อต่อต้านการกระทำของทางการรัสเซียที่จับกุมนาวัลนี หลังจากที่เขาเดินทางกลับถึงกรุงมอสโกภายหลังรักษาอาการป่วยรุนแรงจากการถูกลอบวางยาพิษที่เยอรมนีนานหลายเดือน
ซึ่งสื่อท้องถิ่นรายงานว่ามีผู้ประท้วงทั่วประเทศถูกจับกุมไปมากกว่า 3,500 คน และมีผู้บาดเจ็บหลายคนจากการปะทะกับตำรวจในกรุงมอสโก
ทั้งนี้เปสคอฟมองว่าท่าทีของรัฐบาลสหรัฐฯ นั้นไม่เหมาะสม และเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของรัสเซียทางอ้อม แต่ขณะเดียวกันก็พร้อมประนีประนอม ด้วยการเสนอเปิดการพูดคุยระหว่างรัฐบาลเครมลินกับรัฐบาลวอชิงตันชุดใหม่ภายใต้การนำของโจ ไบเดน
อย่างไรก็ตาม ความเป็นไปได้ที่จะเกิดการพูดคุยเพิ่มพูนมิตรภาพระหว่างสหรัฐฯ และรัสเซียนั้นดูจะยากมากขึ้นในยุคของประธานาธิบดีไบเดน
โดยที่ผ่านมาไบเดนเคยประกาศให้คำมั่นก่อนรับตำแหน่งว่าพร้อมจะฟื้นความร่วมมือกับพันธมิตรในกลุ่มสหภาพยุโรปและสนับสนุนองค์การนาโต ในขณะเดียวกันก็จะดำเนินนโยบายแข็งกร้าวต่อรัสเซียมากขึ้น เพื่อให้รัสเซียได้ชดใช้ต่อการละเมิดหลักปฏิบัติของประชาคมโลก แต่คาดว่าการพูดคุยระหว่างไบเดนและปูตินอาจเกิดขึ้นในอีกไม่นานนี้ เพื่อหารือเรื่องการต่ออายุสนธิสัญญาลดการครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ ที่ใกล้จะหมดลงในวันที่ 5 กุมภาพันธ์นี้
ภาพ: Kirill Kudryavtsev / AFP
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง: