รัสเซียกำลังพิจารณาที่จะเข้าซื้อสกุลเงินหยวนของจีน มูลค่า 7 หมื่นล้านดอลลาร์ พร้อมทั้งสกุลเงินอื่นๆ ของประเทศพันธมิตรเพื่อชะลอการแข็งค่าของเงินรูเบิล ก่อนที่จะปรับยุทธศาสตร์ในระยะยาวของประเทศด้วยการขายเงินหยวนออกเพื่อนำเงินมาใช้ลงทุน
จากกระแสข่าวดังกล่าวส่งผลให้ค่าเงินหยวนแข็งค่าขึ้นทันทีเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ เช่นเดียวกับสกุลเงินลีราของตุรกีที่แข็งค่าขึ้นราว 1% ส่วนค่าเงินรูปีของอินเดียก็แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยเช่นกัน
แผนดังกล่าวได้รับการสนับสนุนในฐานะยุทธศาสตร์เฉพาะกิจระหว่างการประชุมของคณะรัฐมนตรีระดับสูงและธนาคารกลางของรัสเซีย ซึ่งรวมถึงผู้ว่าการธนาคารกลางรัสเซียอย่าง Elvira Nabiullina เมื่อ 30 สิงหาคมที่ผ่านมา
ปัจจุบันมีการคาดการณ์ว่าเงินสำรองของธนาคารกลางรัสเซียอยู่ในสกุลเงินหยวนราว 1.05 แสนล้านดอลลาร์ ณ ต้นปี 2022 ที่ผ่านมา
การปรับยุทธศาสตร์ของรัสเซียในระยะหลังเป็นผลจากมาตรการคว่ำบาตรจากชาติตะวันตก ซึ่งส่งผลให้เงินทุนสำรองในต่างประเทศของรัสเซียราวครึ่งหนึ่งของจำนวนทั้งหมด 6.4 แสนล้านดอลลาร์ ถูกแช่แข็งจนไม่สามารถทำธุรกรรมได้ หลังจากที่รัสเซียตัดสินใจบุกรุกยูเครนเมื่อต้นปีที่ผ่านมา
ขณะที่ข้อมูลจากการประชุมของรัสเซียระบุว่า “ด้วยสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป การสะสมเงินทุนสำรองระหว่างประเทศเพื่อเตรียมรับกับวิกฤตในอนาคตเป็นสิ่งที่ยากลำบากมากขึ้น และไม่ก่อให้เกิดประโยชน์”
หลายปีที่ผ่านมา รัสเซียพยายามควบคุมค่าใช้จ่ายและสำรองเงินนับแสนล้านในสกุลดอลลาร์ ยูโร และสกุลเงินอื่นๆ เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวนจากราคาน้ำมัน
“เงินทุนสำรองที่ถูกแช่แข็งราว 3 แสนล้านดอลลาร์ ไม่สามารถช่วยเหลือรัสเซียได้เลย ในทางกลับกันยังเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงความเปราะบางและการสูญเสียโอกาส”
แม้ว่าการเข้าถือสกุลเงินของประเทศพันธมิตรอาจจะไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาได้มากนัก อย่างการถือครองเงินหยวน หากต้องการจะขายออกก็จำเป็นจะต้องทำข้อตกลงกับทางการจีนก่อน ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำได้ยากหากเกิดวิกฤตขึ้น ขณะที่สกุลเงินอื่น เช่น สกุลเงินเดอร์แฮมของยูเออีก็มีความเสี่ยงสูงในเรื่องของการเมือง หรือสกุลเงินลีราของตุรกีก็มีความเสี่ยงจากการเสื่อมค่า
แต่ในระยะสั้น ด้วยกำไรจากการส่งออกน้ำมันและแก๊สเพิ่มสูงขึ้นมาก และหนุนให้ค่าเงินรูเบิลแข็งค่าขึ้นอย่างมาก จากตัวเลขการค้าที่เกินดุลเป็นสถิติใหม่ จึงเป็นที่มาของแผนที่จะใช้เงินเข้าซื้อเงินหยวนราว 4.4 ล้านล้านรูเบิล หรือราว 7 หมื่นล้านดอลลาร์
Alexander Isakov นักเศรษฐศาสตร์ประจำรัสเซียของ Bloomberg กล่าวว่า “การเข้าซื้อครั้งนี้จะช่วยให้เงินรูเบิลที่แข็งค่าแบบไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ผ่อนคลายลงได้บ้าง สำหรับประเทศที่เป็นกลาง การเข้าซื้อสกุลเงินเหล่านี้จะช่วยหนุนให้ค่าเงินแข็งค่าขึ้นได้บ้าง และช่วยบรรเทาต้นทุนการนำเข้าสินค้าโภคภัณฑ์”
ข้อมูลในเอกสารที่หลุดออกมาดังกล่าวยังระบุอีกว่า การถือครองเงินหยวนของรัสเซียอาจแตะระดับ 1.8 แสนล้านดอลลาร์ เมื่อรวมกับการเข้าซื้อเพิ่มในปีนี้ อย่างไรก็ตาม ธนาคารกลางของรัสเซียได้หยุดรายงานตัวเลขการถือครองเงินทุนสำรองหลังจากที่ถูกคว่ำบาตร ทั้งนี้ ณ วันที่ 1 มกราคม 2022 รัสเซียถือครองเงินหยวนอยู่ราว 17.1% ของทุนสำรองทั้งหมด หรือราว 1 แสนล้านดอลลาร์
โดยทุนสำรองในส่วนนี้ หรือราว 1.8 แสนล้านดอลลาร์ จะถูกใช้เป็นเงินลงทุนในสำหรับ 3-5 ปีข้างหน้า ในส่วนของเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐานด้านโลจิสติกส์เพื่อเชื่อมต่อกับเอเชีย
อ้างอิง:
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP