เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2564 ที่การกีฬาแห่งประเทศไทย พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นประธานเปิดกิจกรรม ‘วิ่งธงชาติไทย รวมใจสู่ชัยชนะ’ กิจกรรมวิ่งบันทึกประวัติศาสตร์ที่จัดขึ้นเพื่อส่งต่อกำลังใจให้ทัพนักกีฬาไทยสู้ศึกโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 32 ผ่านการวิ่งผลัดธงชาติไทยคนละ 1 กิโลเมตร ต่อเนื่อง 61 วัน 35 จังหวัด รวมระยะทาง 4,606 กิโลเมตร เทียบเท่าระยะทางจากกรุงเทพฯ ถึงกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
นอกจากนี้ยังมีอดีตนักกีฬาทีมชาติไทยเข้าร่วมงานในครั้งนี้ ทั้ง สมรักษ์ คำสิงห์ วีรบุรุษเหรียญทองโอลิมปิกคนแรกของเมืองไทยจากกีฬามวยสากลสมัครเล่นในปี 1996, วิจารณ์ พลฤทธิ์ นักชกเหรียญทองโอลิมปิก ปี 2000, ปวีณา ทองสุก และ อุดมพร พลศักดิ์ 2 จอมพลังฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ ปี 2004 พร้อมด้วยนักกีฬาทีมชาติไทยในยุคปัจจุบัน อิศราภา อิ่มประเสริฐสุข (เป้าบิน), อารีย์ณัฏฐา ชวตานนท์ (ขี่ม้า), ประวัติ วะโฮรัมย์ เจ้าของ 7 เหรียญทอง วีลแชร์เรซซิ่ง พาราลิมปิกเกมส์ และ ภูธเรศ คงรักษ์ นักกีฬาวีลแชร์เรซซิ่ง
พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยว่า ทั่วโลกต้องเผชิญหน้ากับวิกฤตการระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้กิจกรรมทุกอย่างต้องหยุดชะงักไปหมด รวมถึงโอลิมปิกเกมส์ที่ถูกเลื่อนออกไปด้วย อย่างไรก็ตาม ถือเป็นเรื่องดีที่ฝ่ายจัดยืนยันจะจัดการแข่งขันขึ้นอย่างแน่นอนในปี 2021 และจะทำให้เราได้ดูและเชียร์นักกีฬาไทยในมกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมวลมนุษย์ชาติ ทางรัฐบาลขอส่งกำลังใจให้กับคณะเจ้าหน้าที่ นักกีฬาตัวแทนทีมชาติไทยทุกคนที่จะเดินทางไปปฏิบัติภารกิจเพื่อชาติในห้วงเวลาดังกล่าว ขอให้ทุกคนตั้งใจ ทุ่มเท มุ่งมั่นทำหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มที่ที่สุด เพื่อโอกาสประสบความสำเร็จ คว้าชัยชนะและเหรียญรางวัลกลับมาฝากคนไทย ขออย่าลืมความเป็นไทยและสปิริตของการเป็นนักกีฬา เชื่อว่ากิจกรรมในครั้งนี้จะเป็นการแสดงออกถึงการรวมกำลังใจของคนไทยทั้งชาติ ที่จะทำให้นักกีฬาไทยได้รับรู้และมีกำลังใจในการทำหน้าที่เพื่อชาติต่อไป
พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา เผยว่า กิจกรรม ‘วิ่งธงชาติไทย…รวมใจสู่ชัยชนะ’ ถือเป็นงานวิ่งธงชาติครั้งยิ่งใหญ่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เชื่อว่าการจัดกิจกรรมในลักษณะนี้จะเป็นการกระตุ้นและสร้างการมีส่วนร่วมของแฟนกีฬาและประชาชนคนไทยให้เกิดการรับรู้ เข้าถึง และซึมซับบรรยากาศของการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ได้มากขึ้น สิ่งเหล่านี้จะเป็นกำลังใจสำคัญให้กับทัพนักกีฬาไทยในการเดินทางออกไปปฏิบัติภารกิจเพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ ที่สำคัญในครั้งนี้เรายังมีการถ่ายทอดสดการแข่งขันกลับมาให้คนไทยได้ร่วมติดตามเชียร์และให้กำลังใจอย่างใกล้ชิดผ่านหลากหลายช่องทางทั้งฟรีทีวีและแพลตฟอร์มต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ฟรีทีวี 6 ช่อง, โทรทัศน์ดาวเทียม T-Sport24s, Mobile Application ที่ AIS PLAY และ AIS PLAY BOX ครบทุกชนิด กีฬาอีก 12 ช่องรายการ ด้วยความคมชัดระดับ HD ตลอดทั้งวัน
ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เผยว่า นักกีฬาไทยต่างเก็บตัวฝึกซ้อมอย่างต่อเนื่องมาตลอดแบบไม่มีพัก แม้โอลิมปิกเกมส์จะถูกเลื่อนออกไปจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่ง กกท. ก็ได้ให้การสนับสนุน ส่งเสริม และอำนวยความสะดวกให้กับนักกีฬาไทยทุกคนทุกชนิดกีฬาที่อยู่ในโครงการอย่างเต็มที่ เพื่อให้มีความพร้อมที่สุดในการเตรียมควอลิฟายโอลิมปิกเกมส์ในช่วงโค้งสุดท้าย โดยเชื่อว่าเราจะมีนักกีฬาผ่านเข้าแข่งขันในรอบสุดท้ายได้ราวๆ 40 คน จึงอยากเชิญชวนชาวไทยทั่วประเทศ มาร่วมให้กำลังใจทัพนักกีฬาไทยในการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 23 กรกฎาคม ถึง 8 สิงหาคมนี้ รวมถึงพาราลิมปิกเกมส์ ระหว่างวันที่ 24 สิงหาคม ถึง 5 กันยายน 2564 ด้วยเช่นกัน ซึ่งตนเชื่อว่านักกีฬาของเราจะสามารถสร้างและบันทึกหน้าประวัติศาสตร์ นำธงไตรรงค์ขึ้นสู่ยอดเสาในการแข่งขันทั้ง 2 มกรรมกีฬาได้อีกสมัยหนึ่งอย่างแน่นอน
สำหรับกิจกรรม ‘วิ่งธงชาติไทย…รวมใจสู่ชัยชนะ’ จะเปิดฉากเริ่มขึ้นวันแรกอย่าง
เป็นทางการในช่วงเช้าตรู่ วันอาทิตย์ที่ 28 มีนาคมนี้ บริเวณหน้าอินดอร์ สเตเดียม หัวหมาก กกท. ณ จุดสตาร์ท กม. ที่ 1 เพื่อส่งต่อธงวิ่งจนครบ 35 จังหวัด ต่อเนื่องรวม 61 วัน ซึ่งใน กม. แรก สมรักษ์ คำสิงห์ วีรบุรุษเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์คนแรกของเมืองไทย จากกีฬามวยสากลสมัครเล่น เมื่อปี 1996 จะเป็นผู้วิ่งธงไตรรงค์ไม้แรก
สำหรับเส้นทางการวิ่งผลัดธงชาติไทยครั้งประวัติศาสตร์ จะมีขึ้นใน 35 จังหวัดโดยออกสตาร์ทที่กรุงเทพมหานคร ก่อนวิ่งต่อไปยังสมุทรสงคราม สมุทรสาคร เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฏร์ธานี นครศรีธรรมราช สงขลา พัทลุง ราชบุรี นครปฐม กาญจนบุรี สุพรรณบุรี ชัยนาท นครสวรรค์ กำแพงเพชร ตาก ลำปาง ลำพูน เชียงใหม่ แพร่ อุตรดิตถ์ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ ชัยภูมิ ขอนแก่น นครราชสีมา บุรีรัมย์ สระแก้ว จันทบุรี ระยอง ชลบุรี ฉะเชิงเทรา และมาสิ้นสุดที่สนามบินสุวรรณภูมิ จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อส่งนักกีฬาทีมชาติไทยไปแข่งขันโอลิมปิกที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เจ้าภาพการแข่งขันในปี 2021 นี้
ด้านความพร้อมของเจ้าภาพจัดการแข่งขันในปีนี้ THE STANDARD ได้สอบถาม ธนา ไชยประสิทธิ์ หัวหน้าคณะนักกีฬาไทย ถึงมาตรการและการเตรียมพร้อมต่างๆ ของทัพนักกีฬาทีมชาติไทยชุดสู้ศึกโอลิมปิก 2021
ซึ่งทางหัวหน้าคณะยอมรับว่าการเตรียมพร้อมของการแข่งขันครั้งนี้มีความแตกต่างจากโอลิมปิกครั้งก่อนๆ มาก เนื่องจากมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดทำให้พิธีการต่างๆ เปลี่ยนแปลงไป
“โอลิมปิกครั้งนี้เนื่องจากว่าอยู่ในสถานการณ์ของโควิด-19 ทำให้หลายๆ อย่างการจัดงาน การเก็บตัว และการคัดเลือกนักกีฬาเปลี่ยนแปลงทั้งหมด ไปเป็นแบบ New Normal ซึ่งทุกๆ ชาติก็มีการปรับตัวกันทั้งหมด
“รวมถึงนักกีฬาทีมชาติไทย การฝึกซ้อมต้องทำจากที่บ้านหรือผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์กับโค้ชต่างชาติที่เดินทางมาประเทศไทยไม่ได้
“การเดินทางไปคัดเลือกแข่งขันก็มีมาตรการเพิ่มขึ้น หรือหลายชนิดกีฬาก็ปรับมาใช้การจัดอันดับโลกแทนการแข่งขันคัดเลือกไปโอลิมปิก การจำกัดจำนวน นักกีฬา และ เจ้าหน้าที่ เราก็ต้องปรับตัวตามเจ้าภาพทั้งหมด เช่น การฉีดวัคซีนไปก่อนการไปถึง ก่อนไป และพอเดินทางไปถึงก็ต้องตรวจอีกครั้ง
“รวมถึงพอเดินทางไปถึงแต่ละประเทศต้องแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ประสานงานด้านข้อมูลเกี่ยวกับโควิด-19 โดยตรงเพิ่มขึ้นมาเป็นตำแหน่งพิเศษอีกคนหนึ่ง เพื่อรายงานให้กับเจ้าภาพรับทราบเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 ในทีมต่างๆ”
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า