มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ให้การต่อคณะกรรมาธิการความสัมพันธ์ต่างประเทศของวุฒิสภา โดยชี้แจงเหตุผลการตัดสินใจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรซีเรียที่มีมานานกว่า 14 ปีอย่างกะทันหันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เนื่องจากความกังวลต่อผลการประเมินที่ชี้ว่า การเปลี่ยนผ่านอำนาจรัฐบาลของซีเรีย กำลังเผชิญกับความท้าทายหลายประการ ซึ่งอาจส่งผลให้ประเทศซีเรียเผชิญกับการ ‘ล่มสลาย’ และ ‘สงครามกลางเมืองเต็มรูปแบบครั้งใหญ่’ ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
“เราประเมินว่าอย่างตรงไปตรงมาแล้ว หน่วยงานที่มีอำนาจในช่วงเปลี่ยนผ่านนั้น อาจเผชิญกับความท้าทายหลายอย่าง และอาจล่มสลายและเกิดสงครามกลางเมืองครั้งใหญ่ในอีกไม่กี่สัปดาห์หรือไม่กี่เดือนข้างหน้า ซึ่งก็คือประเทศจะแตกแยก”
โดยรูบิโอยังชี้ว่า มีหลายประเทศที่ต้องการส่งความช่วยเหลือแก่รัฐบาลใหม่ของซีเรีย แต่กลัวจะเผชิญกับมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ
ทั้งนี้ ทรัมป์ประกาศการตัดสินใจยกเลิกคว่ำบาตรซีเรีย ระหว่างการเยือนตะวันออกกลางเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยเขายังได้พบกับ อาเหม็ด อัลชารา ประธานาธิบดีซีเรียคนใหม่ และอดีตผู้นำกลุ่มอัลกออิดะห์ ที่นำกองกำลังกบฏบุกยึดอำนาจจากรัฐบาลบาชาร์ อัล-อัสซาด เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว
ที่ผ่านมา กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ยืนกรานว่า ซีเรียต้องมีการปฏิบัติตามเงื่อนไขหลายประการ ก่อนที่จะยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรได้ ซึ่งรวมถึงการปกป้องชนกลุ่มน้อยทางศาสนาและชาติพันธุ์
แต่ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ยังคงเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงทางศาสนา ระหว่างกองกำลังฝ่ายสนับสนุนรัฐบาลขึ้นถึง 2 ครั้ง และทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก
ขณะที่รูบิโอชี้ว่าชนกลุ่มน้อยในซีเรียหลายกลุ่มกำลังเผชิญกับความไม่ไว้วางใจระหว่างกัน เพราะอดีตประธานาธิบดีอัสซาด จงใจทำให้ชนกลุ่มน้อยเหล่านี้ขัดแย้งกันเอง”
ภาพ: Jonathan Ernst / Reuters
อ้างอิง: