×

เรืองไกรร้อง ป.ป.ช. สอบ ‘ประธานสภา’ หาเหตุจะไม่บรรจุญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ หรือไม่ หลังส่งหนังสือถึงฝ่ายค้านให้ตัดชื่อ ‘ทักษิณ’ จากญัตติ

โดย THE STANDARD TEAM
09.03.2025
  • LOADING...

วันนี้ (9 มีนาคม) เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เปิดเผยว่า วันนี้ส่งหนังสือทางไปรษณีย์ EMS เพื่อขอให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รีบตรวจสอบ วันมูหะมัดนอร์ มะทา ในฐานะประธานสภาผู้แทนราษฎร ว่ามีพฤติการณ์ทุจริตต่อหน้าที่ หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรม ตามความในรัฐธรรมนูญ มาตรา 234 วรรคหนึ่ง (1) หรือไม่ และเพื่อประโยชน์ในการทำหน้าที่ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 ขอให้ ป.ป.ช. มีหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎรให้รีบบรรจุญัตติดังกล่าวตามมาตรา 151 แห่งรัฐธรรมนูญ โดยเร็วด้วย

 

เรืองไกรกล่าวว่า เรื่องนี้ใช้แค่การนับเลขในเอกสารเพียงแค่ 3 แผ่น กับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2562 และมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ. 2561 มาประกอบคำร้อง ก็เพียงพอที่จะยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช. ได้แล้ว ดังนี้

 

1. เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2568 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้าของจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร ได้เสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กราบเรียนประธานสภาผู้แทนราษฎร ตามความในรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 ไปแล้วนั้น 

 

2. ต่อมาเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2568 สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้มีหนังสือด่วนที่สุด ที่ สผ 0014/2559 เรื่อง ญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล เรียน ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ โดยอ้างถึงหนังสือลงวันที่ 27 ก.พ. 2568 ไว้โดยชัดแจ้ง ซึ่งในหนังสือที่ สผ 0014/2559 มีความว่า

 

“ตามที่ท่านกับคณะได้เสนอญัตติขอเปิดขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร ตามมาตรา 151 ของรัฐธรรมนูญ นั้น

 

ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้พิจารณาแล้ว เห็นว่าการระบุชื่อบุคคลภายนอกในเนื้อหาญัตติอาจทำให้บุคคลภายนอกได้รับความเสียหาย เนื่องจากไม่สามารถชี้แจงในที่ประชุมสภาได้ จึงขอให้ท่านแก้ไขข้อบกพร่องดังกล่าวโดยนำรายชื่อบุคคลภายนอกออกจากเนื้อหาญัตติ ตามข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2562 ข้อ 176

 

จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาดำเนินการ”

 

3. การที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรขอให้ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ แก้ไขข้อบกพร่องดังกล่าวโดยนำรายชื่อบุคคลภายนอกออกจากเนื้อหาญัตติ โดยกล่าวอ้างตามข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2562 ข้อ 176 นั้น อาจขัดต่อข้อบังคับดังกล่าว เนื่องจาก ข้อ 176 กำหนดว่า “ข้อ 176 เมื่อประธานสภาได้รับญัตติตามข้อ 175 แล้ว ให้ทำการตรวจสอบ หากมีข้อบกพร่องให้ประธานสภาแจ้งผู้เสนอทราบภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่ได้รับญัตติ เมื่อประธานสภาได้ตรวจสอบความถูกต้องของญัตติแล้ว ให้บรรจุเข้าระเบียบวาระ การประชุมเป็นเรื่องด่วนและแจ้งให้นายกรัฐมนตรีทราบ”

 

4. ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในหนังสือด่วนที่สุด ที่ สผ 0014/2559 ซึ่งลงวันที่ 7 มีนาคม 2568 นั้น ได้อ้างถึงหนังสือของ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ กับคณะ ลงวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2568 ไว้โดยชัดแจ้ง ดังนั้น หนังสือด่วนที่สุด ที่ สผ 0014/2559 ลงวันที่ 7 มีนาคม 2568 ที่กล่าวอ้างถึงข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2562 ข้อ 176 ซึ่งนับจากวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้รับญัตติตามข้อ 175 แล้ว แต่มีหนังสือด่วนที่สุด ที่ สผ 0014/2559 ซึ่งลงวันที่ 7 มีนาคม 2568 นั้น จึงเป็นการตรวจสอบญัตติดังกล่าวโดยกล่าวอ้างว่ามีข้อบกพร่องซึ่งเป็นการตรวจสอบข้อบกพร่องที่ไม่อยู่ในกำหนดเวลาเจ็ดวันที่บังคับไว้ตามข้อ 176 เพราะนับจากวันที่ 27 กุมภาพันธ์ – 7 มีนาคม 2568 ยังไงก็เกินเจ็ดวันแน่นอน ดังนั้นการกล่าวอ้างว่าตรวจสอบข้อบกพร่องแล้วมีการอ้างถึงบุคคลภายนอกนั้น จึงอาจเป็นการที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรใช้หน้าที่และอำนาจโดยไม่ชอบ ตามข้อบังคับ ข้อ 9 (6) และอาจวางตัวไม่เป็นกลางตามข้อ 9 (1) ด้วย 

 

5. รัฐธรรมนูญ มาตรา 119 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า “มาตรา 119 ประธานสภาผู้แทนราษฎรและประธานวุฒิสภามีหน้าที่และอำนาจดำเนินกิจการของสภานั้นๆ ให้เป็นไปตามข้อบังคับ รองประธานสภามีหน้าที่และอำนาจตามที่ประธานสภามอบหมาย และปฏิบัติหน้าที่แทนประธานสภาเมื่อประธานสภาไม่อยู่หรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้”

 

6. รัฐธรรมนูญ มาตรา 124 วรรคสาม บัญญัติว่า ‘ในกรณีตามวรรคสอง ถ้าสมาชิกกล่าวถ้อยคำใดที่อาจเป็นเหตุให้บุคคลอื่นซึ่งมิใช่รัฐมนตรี หรือสมาชิกแห่งสภานั้นได้รับความเสียหาย ให้ประธานแห่งสภานั้นจัดให้มีการโฆษณาคำชี้แจงตามที่บุคคลนั้น ร้องขอตามวิธีการและภายในระยะเวลาที่กำหนดในข้อบังคับการประชุมของสภานั้น ทั้งนี้ โดยไม่กระทบต่อสิทธิของบุคคลในการฟ้องคดีต่อศาล’

 

7. มาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ. 2561 บางข้อ กำหนดว่า

 

ข้อ 3 มาตรฐานทางจริยธรรมนี้ให้ใช้บังคับแก่บุคคลตามวรรคสอง ดังต่อไปนี้

 

มาตรฐานทางจริยธรรมนี้ให้ใช้บังคับแก่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา และคณะรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 219 วรรคสอง ด้วย

 

ข้อ 8 ต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไม่แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ เพื่อตนเองหรือผู้อื่น หรือมีพฤติการณ์ที่รู้เห็นหรือยินยอมให้ผู้อื่นใช้ตำแหน่งหน้าที่ของตนแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ

 

ข้อ 13 ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความยุติธรรม เป็นอิสระ เป็นกลาง และปราศจากอคติ โดยไม่หวั่นไหวต่ออิทธิพล กระแสสังคม หรือแรงกดดันอันมิชอบด้วยกฎหมาย โดยคำนึงถึงสิทธิและเสรีภาพของประชาชน ทั้งนี้ ตามความเหมาะสมแห่งสถานภาพ

 

ข้อ 17 ไม่กระทำการใดที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดำรงตำแหน่ง

 

8. ดังนั้นจากข้อเท็จจริงตามหนังสือลงวันที่ 27กุมภาพันธ์ 2568 ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และหนังสือด่วนที่สุด ที่ สผ 0014/2559 ของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งทำโดยอ้างถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร เมื่อพิจารณากับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2562 และมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ. 2561 แล้ว 

 

อาจทำให้สาธารณชนเข้าใจได้ว่า ข้อกล่าวอ้างของประธานสภาผู้แทนราษฎรมิอาจรับฟังได้ มีเจตนาหาเหตุจะไม่บรรจุญัตติ โดยการกล่าวอ้างที่มีพฤติการณ์จงใจฝ่าฝืนข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ข้อ 176 เข้าข่ายไม่ซื่อสัตย์สุจริต ไม่เป็นกลาง และเข้าข่ายเพื่อหาเหตุมาเอื้อประโยชน์ให้กับนายกรัฐมนตรี หรือไม่ กรณีจึงมีเหตุอันควรขอให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบ วันมูหะมัดนอร์ มะทา ว่ามีพฤติการณ์ทุจริตต่อหน้าที่ หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรม ตามความในรัฐธรรมนูญ มาตรา 234 วรรคหนึ่ง (1) หรือไม่

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising