วันนี้ (24 มิถุนายน) วรนัยน์ วาณิชกะ หัวหน้าพรรครวมไทยยูไนเต็ด โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก ‘Voranai Vanijaka-วรนัยน์ วาณิชกะ’ ระบุว่า “หากผู้ว่าราชการจังหวัดมาจากการเลือกตั้ง แต่โครงสร้างอำนาจของประเทศยังเหมือนเดิม ประชาชนในแต่ละจังหวัดก็คงได้ผู้ว่าราชการจังหวัดมาเป็นผู้รับใช้รัฐบาลกลาง
“คณะกรรมาธิการการกระจายอำนาจฯ สภา ได้ไฟเขียววาระการพิจารณา เรื่องการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งเป็นนิมิตหมายที่ดี ทั้งนี้เราควรขอบคุณกลุ่ม We’re all voters ที่ผลักดันประเด็นอันสำคัญนี้
“พรรครวมไทยยูไนเต็ดเชื่อว่า ปัญหาของประเทศไทยคืออำนาจที่กระจุก ซึ่งสร้างความเหลื่อมลํ้ามหาศาล ทําให้การบริหารไม่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล พีระมิดยิ่งสูง ข้างบนมองข้างล่างก็เห็นแต่มดตัวเล็กๆ ข้างล่างแหงนคอมองเท่าไรก็ไม่เห็นข้างบน เพราะฉะนั้นทางออกของประเทศคือการกระจายอํานาจ
“แต่ทําไมผมถึงเขียนข้างบนว่า ‘ได้มาเป็นผู้รับใช้รัฐบาลกลาง’ สมมติว่า พ.ร.บ.ผ่าน เราเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดได้ แต่โครงสร้างอำนาจยังเหมือนเดิม คือ ต้องบริหารราชการตามระเบียบแผนของคณะรัฐมนตรีและกระทรวงที่เกี่ยวข้องสั่งการ
“งบต้องพิจารณาและอนุมัติโดยรัฐบาลกลาง หากไม่ทำตามอาจไม่ให้เงิน
ส่วนอำนาจในการใช้กฎหมายตำรวจในจังหวัดขึ้นอยู่กับรัฐบาลกลางอยู่หรือไม่
“สรุปคือ ประชาชนเลือกมา แต่กระดิกตัวไปทางไหนก็ไม่ได้ ถ้านายกฯ ไม่ปิ๊ง ครม. ไม่ชอบ มหาดไทยไม่เอา เพราะฉะนั้นโดยโครงสร้างอำนาจ ผู้ว่าราชการจังหวัดไม่ได้ยึดโยงต่อประชาชน แต่เป็นเพียงหุ่นเชิดให้รัฐบาลกลางโดยปริยาย
“บริบทของแต่ละจังหวัดไม่เหมือนกัน บริบทของจังหวัดและประเทศไม่เหมือนกัน ผู้ว่าราชการจังหวัดที่มาจากการเลือกตั้งต้องมีอำนาจในการทำนโยบายเฉพาะจังหวัด แม้อาจไม่สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลกลาง
“ต้องมีสิทธิในการใช้งบประมาณเพื่อสนองพื้นที่ของตน ไม่ใช่สนองผลประโยชน์ของโครงสร้างการเมืองอุปถัมภ์ที่มีศูนย์บัญชาการอยู่ทำเนียบรัฐบาล และผู้ว่าราชการจังหวัดต้องมีอำนาจในการใช้ตำรวจในพื้นที่ของตน
“ถ้าไม่มีอำนาจเหล่านี้ก็เปรียบเสมือนสถานะของคุณชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ศักยภาพควรเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ตำแหน่งเป็นเพียงผู้ว่าฯ กทม. อำนาจจํากัดประหนึ่งแค่พ่อบ้าน” วรนัยน์กล่าว
อ้างอิง: