วันนี้ (21 เมษายน) ที่สโมสรราชพฤกษ์ ก่อนการประชุมใหญ่สามัญประจำปี ครั้งที่ 1/2567 ของพรรครวมไทยสร้างชาติ เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวถึงกรณีกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรีในโควตาพรรครวมไทยสร้างชาติที่มีชื่อ สุชาติ ชมกลิ่น สส. แบบบัญชีรายชื่อ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แทน อนุชา นาคาศัย และบิ๊กดีลโควตาเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมว่า การประชุมวันนี้ไม่มีการพูดคุยถึงการปรับคณะรัฐมนตรี ทั้งหมดเป็นเพียงกระแสข่าวและข่าวลือ
เอกนัฏกล่าวต่อว่า ในข้อเท็จจริงจนถึงวันนี้ไม่มีการประสานมาว่าจะมีการปรับ ครม. หรือไม่ และในพรรครวมไทยสร้างชาติจะเอาอย่างไร ดังนั้นจนกว่าจะมีการประสานมาก็จะไม่มีการพิจารณาใดๆ ทั้งสิ้น ดังนั้นสิ่งที่ปรากฏบนสื่อก็ยังเป็นข่าวลืออยู่
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า กระแสข่าวปรับ ครม. สร้างความขัดแย้งภายในพรรคหรือไม่ เอกนัฏกล่าวยืนยันว่า เรามั่นคงในจุดยืนและแนวทางการทำงานของพรรค ตั้งแต่ก่อตั้งพรรค เลือกตั้ง จนมาถึงวันนี้ พรรครวมไทยสร้างชาติอยู่มาท่ามกลางกระแสข่าวจำนวนมาก สมาชิก กรรมการบริหารพรรค และสมาชิกพรรค ยังยึดมั่นในอุดมการณ์จนฟันฝ่าอุปสรรคทั้งหมดทั้งมวลมาได้และไม่กังวลต่อข่าวลือ กรรมการบริหารพรรคไม่บริหารพรรคจากข่าวลือ ไม่ว่าจะเป็นการปรับ ครม. หรือการบริหารพรรค ก็มีระบบที่เป็นมาตรฐาน เปิดเผยได้ อีกทั้งสมาชิกทุกคนก็มั่นใจและเชื่อมั่นในแนวทางของพรรค
เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่า จะต้องมีการเตรียมความพร้อมก่อนที่พรรคแกนจะนำส่งสัญญาณปรับ ครม. หรือไม่ เอกนัฏกล่าวย้ำว่า ไม่จำเป็นต้องเตรียมความพร้อมก่อน เพราะพรรครวมไทยสร้างชาติมีเพียง 4 ตำแหน่งจาก สส. จำนวน 36 คน จึงเป็นเหมือนครอบครัวครอบครัวหนึ่ง ทุกอย่างพูดคุยกันได้ การตัดสินใจไม่ใช่เรื่องยาก และกลไกก็ถูกวางไว้ตั้งแต่การเลือกรัฐมนตรีในรอบแรก ดังนั้นไม่ว่าจะรอบไหนก็ต้องใช้กลไกเดียวกัน เพื่อเป็นมาตรฐานเดียวกัน และเพื่อไม่ต้องไปคาดการณ์หรือคาดเดาอะไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการแบ่งระยะเวลาการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีหรือไม่ เอกนัฏกล่าวว่า ไม่มี พรรครวมไทยสร้างชาติมีกลไกการพิจารณาอยู่แล้ว ไม่ได้ยึดโควตาหรือแบ่งภาคแต่อย่างใด แต่ดูตามความเหมาะสม ความสามารถ และประสบการณ์ เป็นหลัก
และเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีการขอแลกกระทรวงจะต้องมีการพูดคุยกันก่อนหรือไม่ เอกนัฏกล่าวว่า เรื่องนั้นต้องมีการคุยกันอยู่แล้ว เพราะในฐานะพรรคร่วม หากไม่มีการสื่อสารมา เราก็จะยึดตามเงื่อนไขเดิมที่เคยตกลงกันไว้ ดังนั้นจึงจะพิจารณาก่อนไม่ได้ เพราะต้องดูข้อเสนอหรือข้อสรุปที่พรรคแกนนำส่งมาว่าเป็นอย่างไร
สุชาติอมยิ้ม ขอบคุณที่ให้กำลังใจ หลังมีชื่อในโผ ครม.
ส่วน สุชาติ ชมกลิ่น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ ในฐานะรองหัวหน้าพรรค ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยมีชื่อของตนเองอยู่ด้วยว่า เราอยู่ในพรรคการเมือง ในนามพรรครวมไทยสร้างชาติ ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในกลไกของหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค และผู้ใหญ่ของพรรค เป็นหลัก วันนี้มีประชุมใหญ่ของพรรค เราเป็น สส. เป็นสมาชิกพรรค
ส่วนเรื่องการปรับ ครม. อำนาจเป็นของนายกรัฐมนตรีประสานกับพรรคร่วมรัฐบาล ตนก็ยังไม่รู้ว่าจะปรับหรือไม่ และหากมีการปรับก็ต้องมาหารือกับพรรค ซึ่งก็ต้องมีผู้บริหารพรรคอีกจำนวนมาก มีหัวหน้าพรรคเป็นแกนหลัก รวมถึงเลขาธิการพรรคที่จะพิจารณา เราเป็น สส. ไม่มีสิทธิพิจารณาตรงนั้น
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ในกระแสข่าวมีชื่อสุชาติ ได้มีการส่งสัญญาณมาหรือไม่ สุชาติออกอาการเขินและอมยิ้ม พร้อมกล่าวว่า “สื่อมวลชนให้กำลังใจผม ก็ขอขอบคุณสื่อมวลชนด้วย และทุกคนที่ให้กำลังใจ”
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า การมีชื่อตนเองในการปรับ ครม. ได้มีการพูดคุยกับผู้ใหญ่ในพรรคหรือไม่ สุชาติกล่าวว่า มันยังไม่มีสัญญาณอะไรทั้งสิ้น อันดับแรกต้องอยู่ที่นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลมากกว่า เราเป็น สส. วันนี้เราทำหน้าที่ให้ดีที่สุด อยู่ตรงไหนก็ทำงานเพื่อประเทศชาติบ้านเมืองได้ ไม่ได้ยึดติดอยู่แล้ว ปีที่ผ่านมาเกือบ 1 ปีเป็น สส. ก็ลงพื้นที่ตลอด เมื่อวานก็อยู่ที่จังหวัดชลบุรี ลงพื้นที่อยู่ตลอดเวลา พร้อมกล่าวขอบคุณ
ธนกรเชื่อ ปรับ ครม. ผู้ใหญ่พิจารณาตามความเหมาะสม
ขณะที่ ธนกร วังบุญคงชนะ สส. แบบบัญชีรายชื่อ ในฐานะรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวการปรับ ครม. ว่า ตนเองไม่ทราบ ทุกอย่างอยู่ที่หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค ส่วนที่มีกระแสข่าวว่ามีความขัดแย้งภายในพรรคนั้น ยืนยันว่าไม่มี ไม่เห็นมีปัญหาอะไร ทุกคนก็คุยกันดี ทุกอย่างอยู่ที่ความเหมาะสมและผู้ใหญ่ภายในพรรค
เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำถึงกระแสข่าวความขัดแย้งภายในพรรครวมไทยสร้างชาติว่ามาได้อย่างไร ธนกรกล่าวว่า ตนก็ไม่เข้าใจว่ามีข่าวนี้ออกมาได้อย่างไร ภายในพรรคไม่ได้มีความขัดแย้ง และแกนนำก็รู้จักกันมานาน สามารถพูดคุยกันได้ ที่ผ่านมาหัวหน้าพรรคเองก็ทำหน้าที่อย่างดี พูดกับสมาชิกเสมอว่าเมื่อถึงเวลาเหมาะสม ไม่มีใครยึดติดกับตำแหน่ง ทุกอย่างอยู่ที่ผู้หลักผู้ใหญ่ภายในพรรค
มองว่าเป็นการสร้างกระแสตีข่าวขึ้นมาหรือไม่นั้น ตนงงว่ามีปัญหาเกิดขึ้นได้อย่างไรทั้งๆ ที่ไม่มีปัญหา ทุกอย่างพูดจาได้ แต่ละคนที่อยู่ในกระแสข่าวก็เป็นรัฐมนตรีมาหมดแล้ว ส่วนตัวมองว่าไม่ใช่สาระสำคัญ ตอนนี้เป็นเวลาที่ต้องทำงานให้กับประชาชน หลายอย่างดีขึ้น เอาเวลาไปทำงานให้กับประชาชนจะดีกว่า ทั้งนี้ การปรับ ครม. ในช่วงเดือนหน้าก็ต้องถามกรรมการบริหารพรรค ตนเป็นรองหัวหน้าพรรค ไม่ใช่กรรมการบริหาร
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า มองการทำงานของพรรคในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมาอย่างไร ธนกรกล่าวว่า รัฐมนตรีทั้ง 4 คนมีผลงานตลอด รวมถึง อนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ถูกมองว่าไม่มีผลงาน ตนมองว่าท่านก็มี เพราะท่านดูแลในเรื่องของภาคเกษตร รวมถึงหัวหน้าพรรค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ก็มีผลงาน ท่านทำงานดี
และเมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสพรรครวมไทยสร้างชาติอาจจะได้โควตารัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ธนกรปฏิเสธว่าไม่ทราบ ส่วนจะมีข้อตกลงหรือไม่ จะเป็นสมบัติผลัดกันชมนั้น อย่าพูดแบบนั้น ในพรรคเราพูดกันตลอด หัวหน้าพรรคก็บอกตลอดว่าคนที่เป็นรัฐมนตรีไม่มีใครยึดติดในตำแหน่ง เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมก็จะมีการสลับสับเปลี่ยน แต่เราไม่ได้เล่นเก้าอี้ดนตรี แค่เปลี่ยนแปลงการทำงานให้ดีขึ้นกว่าเดิม ที่ทำอยู่ก็ดีอยู่แล้ว แต่เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมทุกคนก็สามารถเข้าสู่เป้าหมายได้
พร้อมยืนยันว่า ตนยังไม่ได้รับสัญญาณจากผู้ใหญ่ สุขภาพไม่ค่อยดี ช่วงหลังก็อยู่บ้านติดตามข่าวสารตลอดเวลา ปกติจะลงพื้นที่ตลอด ตนทำงานในสภาก็เต็มที่ เว้นวรรคเป็น สส. ก็ลงพื้นที่ทำงานเต็มที่อยู่แล้ว