วันนี้ (28 กันยายน) ที่รัฐสภา รังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีนายกรัฐมนตรีไม่ได้เข้ามาตอบกระทู้ถามเรื่องความโปร่งใสในการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) คนใหม่ว่า เข้าใจได้ว่านายกรัฐมนตรีติดภารกิจ แต่ท่านไม่ได้กำหนดเวลาว่าจะกลับมาตอบสมาชิกเมื่อใด ทางเราไม่ถึงกับจะต้องเคี่ยวเข็ญ แต่วันนี้ไม่ได้รับคำชี้แจง และได้หนังสือเพียงไม่กี่บรรทัดซึ่งตอบห้วนๆ ว่าไม่สะดวกมาตอบ จึงมีข้อสงสัยว่า ความจริงใจเรื่องการปฏิรูปตำรวจของนายกรัฐมนตรีชื่อ เศรษฐา ทวีสิน อยู่ที่ไหน
รังสิมันต์กล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้ผู้สื่อข่าวเคยถามเรื่องการสังคายนาองค์กรตำรวจ ซึ่งนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า อย่าใช้คำนั้น เพราะว่าตำรวจเป็นองค์กรที่มีเกียรติมีศักดิ์ศรี ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวกัน แต่วันนี้ต้องยอมรับแล้วว่าวงการตำรวจมีปัญหาแบบเดือนเว้นเดือน บางช่วงมีเดือนละหลายเรื่อง ถ้าเราไม่คิดจะแก้ปัญหา ก็มีความกังวลเรื่องความปลอดภัยของสังคม ตำรวจเองยังถูกยิงเสียชีวิต วันนี้ขยายผลไปได้แค่ไหนยังไม่รู้เลย
“ส่วนตัวหากมีตำรวจเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์พนันออนไลน์ต้องดำเนินคดีไปเลย แต่มีความสงสัยว่าเป็นการกลั่นแกล้ง เตะตัดขากันหรือไม่ เช่น หมายค้นดังกล่าวตนได้เห็นกับตาตัวเองว่าไม่ได้ใส่ชื่อยศและอาชีพของเจ้าบ้าน ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกับองค์กรตำรวจ” รังสิมันต์กล่าว
รังสิมันต์กล่าวว่า ภารกิจของนายกรัฐมนตรีมีความสำคัญก็จริง แต่ตำรวจอีกหลายครัวเรือนก็ได้รับความเดือดร้อน จึงอยากตั้งคำถามอีกครั้งว่า นายกรัฐมนตรีมีความจริงใจจะแก้ปัญหาความทุจริตคอร์รัปชันในองค์กรตำรวจหรือไม่ ต้องมีความชัดเจนที่จะเริ่มต้นปฏิรูป กระดุมเม็ดแรกคือต้องสร้างความโปร่งใสในการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เชื่อว่ากระบวนการแต่งตั้งจบไปพอสมควร และคงไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรแล้ว แต่ไม่ว่าจะแต่งตั้งใครสุดท้ายสังคมก็จะตั้งคำถามว่า เป็นการเลือกจากอะไร จากความอาวุโส ความสามารถ หรือวิสัยทัศน์ คือสิ่งที่สังคมยังไม่ได้รับคำตอบ
รังสิมันต์กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาได้เสนอให้ว่าที่ ผบ.ตร. ได้มีโอกาสแสดงวิสัยทัศน์ให้ประชาชนได้เห็น ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการแสดงความเห็นหรือโหวต เพื่อประกอบการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรี แต่นายกรัฐมนตรีไม่เคยคิดจะทำ ทำให้ข้อครหาว่ามีเส้นสายสัมพันธ์ต่างๆ อยู่เบื้องหลังก็จะเกิดขึ้นอยู่ร่ำไป
“หวังว่าในอนาคตคุณเศรษฐาจะตอบสภาว่าพร้อมจะชี้แจงต่อสังคมเมื่อใด เชื่อว่าเมื่อครั้งอยู่ในบริษัทเอกชนจะต้องอธิบายได้ว่าจะแต่งตั้งใคร อย่าให้อำนาจความเป็นนายกรัฐมนตรีมาสิงตัวท่านจนไม่เหลือเหตุผลจะอธิบายให้ประชาชนต่อเรื่องนี้อีกต่อไป”
รังสิมันต์ตอบถึงข้อสงสัยว่า การแต่งตั้ง ผบ.ตร. ครั้งนี้จะเกี่ยวข้องกับเรื่องตั๋วหรือไม่ โดยกล่าวว่า พยายามให้ความเป็นธรรมกับทุกคน คิดว่าโดยข้อกฎหมายมีโอกาสที่จะเป็น ผบ.ตร. คนอื่นก็ได้ เพราะเป็นการใช้ดุลพินิจของนายกรัฐมนตรี แต่ก็รอคอยเหตุผลของการใช้ดุลพินิจนั้นอยู่ ดังนั้น จะเป็นตั๋วหรือไม่ใช่ บางครั้งก็อยู่ที่นายกรัฐมนตรีเอง แต่หากไม่มีการชี้แจงสังคมก็จะอนุมานว่าการแต่งตั้ง ผบ.ตร. ไม่มีความสุจริตจริง ซึ่งก็น่าสงสารว่า พล.ต.อ. ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) คนใหม่จะได้รับมลทินไปด้วย