องค์กรสิทธิมนุษยชน Fortify Rights เผยแพร่คลิปวิดีโอ 2 คลิป ของพลทหาร เมียว วิน ทัน และพลทหาร ซอว์ เนียง ทัน 2 ทหารหนีทัพเมียนมา ที่บันทึกไว้โดยกองทัพยะไข่เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยทั้งสองรับสารภาพว่าได้รับคำสั่งให้เข้าร่วมในการสังหารหมู่ และข่มขืนชาวมุสลิมโรฮีนจาได้ตามใจชอบในปี 2017
กลุ่ม Fortify Rights ยืนยันว่าได้วิเคราะห์คลิปวิดีโอดังกล่าว และพบว่าคำรับสารภาพของทหารทั้งสองนั้นเชื่อถือได้ อีกทั้งยังสอดคล้องกับบันทึกคำให้การของผู้รอดชีวิตจากการสังหารหมู่ดังกล่าว และถือเป็นการยอมรับครั้งแรกของทหารในกองทัพเมียนมา ว่ามีการใช้กำลังกวาดล้างชนกลุ่มน้อยในรัฐยะไข่ ทางตะวันตกของเมียนมา
“เราทำลายหมู่บ้านชาวมุสลิม (โรฮีนจา) ใกล้กับหมู่บ้านตอง บาซาร์ เราปฏิบัติการกวาดล้างในเวลากลางคืน ตามคำสั่งให้ ‘ยิงทุกสิ่งที่คุณเห็นและได้ยิน’ เราฝังศพรวม 30 ศพไว้ในหลุมเดียว” พลทหารเมียว วิน ทัน กล่าวในวิดีโอรับสารภาพ
รายละเอียดในคลิปวิดีโอนั้น ทหารหนีทัพทั้งสองในชุดเครื่องแบบสีเขียว บรรยายรายละเอียดข้อเท็จจริงว่าพวกเขาได้รับคำสั่งให้สังหารชาวโรฮีนจาทั้งหมดอย่างไร
เมียว วิน ทัน กล่าวว่าเขาถูกส่งไปปฏิบัติการจู่โจมหมู่บ้านชาวโรฮีนจาในเมืองบูตีดอง ช่วงกลางดึกของเดือนสิงหาคมปี 2017 ซึ่งเจ้าหน้าที่หลายนายสั่งการให้เขาสังหารทุกคนที่พบ เพื่อให้แน่ใจว่าเชื้อชาติโรฮีนจาจะถูกกำจัดแบบถอนรากถอนโคน
หลังทำลายหมู่บ้านแห่งแรกได้แล้ว หน่วยทหารของเขาทั้งหมด 10 นาย ยังอยู่ในพื้นที่ต่ออีก 2 สัปดาห์ เพื่อกวาดล้างชาวโรฮีนจาที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง
“เราฝัง 30 ศพในหลุมเดียว ผู้หญิง 8 เด็ก 7 ผู้ชายและคนแก่อีก 15”
เมียว วิน ทัน ยังระบุว่าหน่วยทหารของเขาข่มขืนผู้หญิงก่อนที่จะยิงสังหาร และเขายอมรับว่าได้ลงมือข่มขืนหญิงชาวโรฮีนจา 1 คน
“เรายิงและฝังผู้คนไปทีละหมู่บ้าน รวมแล้วน่าจะประมาณ 60 ถึง 70 คน” เขากล่าว
ส่วนพลทหาร ซอว์ เนียง ทัน ซึ่งอยู่ในกองพันทหารราบเบาที่ 353 ของเมียนมา ยอมรับว่าได้ลงมือสังหารชาวบ้านในหมู่บ้านชาวโรฮีนจาไปประมาณ 20 คน
“เรายิงสังหารและกำจัดพวกเขาตามคำสั่งให้สังหารทุกคน ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่” ซอว์ เนียง ทัน กล่าว พร้อมระบุว่าทหารในหน่วยของเขาได้ฝังร่างชาวบ้านประมาณ 80 คนในสุสานขนาดใหญ่ และขโมยเงิน ทองคำ โทรศัพท์มือถือ จากร้านค้าและบ้านหลายหลัง ภายหลังลงมือสังหาร
นอกจากนี้เขายังยืนมองขณะที่ผู้บัญชาการของเขาข่มขืนหญิงชาวโรฮีนจาคนหนึ่งด้วย
ที่ผ่านมาสหประชาชาติและหลายองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนระบุว่า การกวาดล้างชาวโรฮีนจาของกองทัพเมียนมานั้นเป็นเหมือน’ เครื่องหมายแห่งการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์’
สำหรับทหารหนีทัพทั้งสองนาย เชื่อว่าตอนนี้ถูกกักตัวอยู่ที่กรุงเฮก ที่ตั้งของศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ซึ่งกำลังดำเนินการสืบสวนกรณีกวาดล้างชาวโรฮีนจา โดยมีรายงานยืนยันว่า พบทั้งสองที่ชายแดนระหว่างบังกลาเทศและเมียนมาช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ขณะที่เป็นไปได้สูงว่าคำให้การของทั้งสองจะถูกนำไปใช้ในการดำเนินคดีต่อรัฐบาลเมียนมาในอนาคต
“นี่เป็นช่วงเวลาสำคัญสำหรับชาวโรฮีนจาและประชาชนชาวเมียนมา ในการต่อสู้เพื่อความยุติธรรมที่ยังคงเดินหน้าอยู่ ทหารทั้งสองรายนี้อาจเป็นผู้กระทำผิดรายแรกจากเมียนมา ที่ได้รับการไต่สวนที่ ICC และเป็นพยานบุคคลวงในรายแรกที่อยู่ในการควบคุมตัวของศาล เราคาดหวังให้มีการดำเนินการที่รวดเร็ว” แมทธิว สมิธ CEO ของ Fortify Rights ระบุในแถลงการณ์เผยแพร่คลิปวิดีโอดังกล่าว
ขณะที่ ICC ยังไม่ยืนยันว่าได้กักตัวทหารหนีทัพทั้งสองนายไว้ และยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าทั้งสอง เป็นทหารของกองทัพเมียนมาจริง
“การสอบสวนของ ICC เป็นเรื่องลับ ทั้งหมดที่ผมสามารถยืนยันได้ คือบุคคล 2 คน ปรากฏตัวที่ด่านพรมแดนในบังกลาเทศและร้องขอความคุ้มครอง และรับสารภาพว่าได้สังหารหมู่และข่มขืนพลเรือนชาวโรฮีนจา ในระหว่างปฏิบัติการกวาดล้างในรัฐยะไข่เมื่อปี 2017 พวกเขาอ้างว่าเป็นสมาชิกกองกำลังทหารเมียนมาในช่วงเวลานั้น และปฏิบัติตามคำสั่งจากผู้บัญชาการทหารระดับสูง บังกลาเทศแจ้งต่อศาลอาญาระหว่างประเทศตามพันธกรณี…แต่ผมไม่สามารถยืนยันตัวตนหรือที่มาของพวกเขาได้” Payam Akhavan ทนายความชาวแคนาดาและที่ปรึกษากฎหมายระหว่างประเทศของบังกลาเทศ ผู้ยื่นฟ้องร้องเมียนมาต่อ ICC กล่าว
ทางด้านกองทัพยะไข่ที่บันทึกคลิปวิดีโอดังกล่าว ระบุว่าชายทั้งสองในคลิปวิดีโอเป็นทหารหนีทัพจริง และไม่ได้ถูกกองทัพยะไข่จับตัวในฐานะเชลยศึก ขณะที่ปฏิเสธจะให้ความเห็นว่าตอนนี้ทั้งสองอยู่ที่ไหน แต่ยืนยันว่าทั้งสองนั้นทำเพื่อความยุติธรรมสำหรับเหยื่อของกองทัพเมียนมาทุกคน
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง: