“เรื่องของผมกับบาเยิร์นถึงจุดจบแล้ว ผมจินตนาการไม่ออกว่าเราจะร่วมงานกันต่อได้อย่างไร” คำประกาศของ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี กลายเป็นประเด็นข่าวใหญ่ของวงการฟุตบอลเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ที่แฟนลูกหนังทั่วโลกต่างจับตา
อย่างไรก็ดี เรื่องนี้ไม่ถึงกับเป็นสิ่งที่เกินความคาดหมาย และอย่างน้อยก็มีสัญญาณบ่งบอกล่วงหน้ามาพักใหญ่แล้วสำหรับอนาคตของกองหน้า ‘หมายเลข 9’ ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งมีรายงานข่าวว่าได้มีการเจรจากับบาร์เซโลนา และบรรลุข้อตกลงเบื้องต้นด้วยวาจากันเป็นที่เรียบร้อยในสัญญาระยะเวลา 3 ปีด้วยกัน
“ผมหวังว่าพวกเขาจะไม่ขัดขวางผม (จากการย้ายทีม) เพียงเพราะพวกเขาสามารถทำได้ การย้ายทีมของผมคือทางออกที่ดีที่สุดแล้วสำหรับทุกคน”
เพียงแต่หากมองย้อนกลับไปแล้ว การออกมาประกาศแตกหักของดาวยิงชาวโปแลนด์กับต้นสังกัดที่ทำให้เขากลายเป็นกองหน้าที่เก่งที่สุดคนหนึ่งของยุคสมัย เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจอยู่ไม่น้อย เพราะตลอดมาความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองฝ่ายเป็นไปด้วยดีตลอด
ย้อนกลับไปในเดือนตุลาคม ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองฝ่ายยังดีอยู่ โดยเฉพาะกับ โอลิเวอร์ คาห์น อดีตผู้รักษาประตูระดับตำนานที่ปัจจุบันนั่งแท่นบริหารเป็นซีอีโอของสโมสร โดยมีการอัดคลิปที่เลวานดอฟสกีโชว์ความแม่นในการเตะบอลไปยังหน้าต่างห้องทำงานของซีอีโอสโมสร
คลิปนั้นจบลงที่คาห์นก็โชว์สกิลความหนึบด้วยการรับบอลเอาไว้ด้วยรอยยิ้ม
หรือแม้กระทั่งในเดือนที่แล้ว The Athletic เผยว่าทางด้านเลวานดอฟสกียังคงเปิดกว้างสำหรับการเจรจาเรื่องสัญญาฉบับใหม่กับบาเยิร์นอยู่
แล้วอะไรคือปัญหา?
ปัญหานั้นเกิดจากความลังเลของบาเยิร์น – ซึ่งปัจจุบันอยู่ใต้การบริหารของคาห์น และผู้อำนวยการสโมสรอย่าง ฮาซาน ซาลิฮามิดซิช อดีตนักเตะสารพัดประโยชน์ที่เป็นเพื่อนร่วมทีมกัน – ที่ไม่เปิดการเจรจากับเลวานดอฟสกีอย่างเป็นเรื่องเป็นราว
สาเหตุนั้นมาจากด้วยวัย 33 ปีของ ‘เลวานดี’ ที่ถือว่าค่อนข้างสูงแล้ว แม้ว่าปัจจุบันจะยังรักษาสภาพร่างกายเอาไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม ซึ่งกองหน้าชาวโปแลนด์ต้องการสัญญาระยะยาว แต่บาเยิร์นไม่ต้องการที่จะลงทุนอนาคตกับนักเตะที่อายุมาก
และมากกว่านั้นคือการที่เริ่มมีกระแสข่าวว่าบาเยิร์นกำลังคิดถึงการที่จะดึงกองหน้าอายุน้อยอนาคตไกลอย่าง เออร์ลิง เบราต์ ฮาลันด์ มาจากโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในระหว่างฤดูกาลที่ผ่านมา ซึ่งกลายเป็นชนวนความไม่พอใจของเลวานดอฟสกี
เรื่องนี้ ปินี ซาฮาวี ซูเปอร์เอเจนต์ที่ดูแลสุดยอดดาวยิง ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับ Bild สื่อกีฬาชื่อดังของเยอรมนีเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า “บาเยิร์นได้สูญเสียไม่ใช่แค่ในฐานะนักเตะ แต่ในฐานะเพื่อนคนหนึ่งด้วย”
สำหรับบาเยิร์น พวกเขามองว่าซาฮาวีอาจเป็นสาเหตุของรอยร้าว เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่สโมสรอันดับ 1 ของเยอรมนีตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ เพราะเมื่อปีกลายพวกเขาก็สูญเสีย ดาวิด อลาบา ปราการหลังชาวออสเตรียที่เป็นเสาหลักของทีมไปในแบบเดียวกัน โดยสุดท้ายหลังการเจรจาสัญญาล้มเหลวก็ย้ายไปเรอัล มาดริดแบบไม่มีค่าตัว
ความลำบากสำหรับทีมจากแคว้นบาวาเรียคือ การที่พวกเขาแทบไม่เหลือโอกาสในการกล่อมให้เลวานดอฟสกีกลับมามีใจอีกครั้ง และการบังคับฝืนใจโดยไม่ยอมให้ย้ายทีมนั้นอาจไม่เป็นผลดีต่อใครเลยอย่างที่กล่าวไว้
สิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาคือความยากลำบากในการหาใครมาทดแทน เพราะนับตั้งแต่ดึงตัวมาจากโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เลวานดอฟสกีคือสุดยอดดาวยิงที่แบกทีมเอาไว้ในแนวรุก ในแต่ละฤดูกาลสตาร์ชาวโปแลนด์ทำประตูได้เป็นกอบเป็นกำ โดยเฉพาะในช่วง 7 ฤดูกาลหลังสุดที่ยิงได้มากกว่า 40 ประตูโดยตลอด
การจะหากองหน้าที่มาทดแทนในระดับนี้แทบเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ โดยเฉพาะเมื่อฮาลันด์เลือกย้ายไปแมนเชสเตอร์ ซิตี้แล้ว ตัวเลือกกองหน้าในระดับเดียวกันที่พอจะทดแทนได้มีเพียงแค่ แฮร์รี เคน เท่านั้น แต่โอกาสได้ตัวเป็นไปได้ยาก เนื่องจากเวลานี้กัปตันทีมชาติอังกฤษกลับมามีความสุขในการเล่นให้กับท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ภายใต้ อันโตนิโอ คอนเต อีกครั้ง และด้วยวัยแล้ว การทุ่มเงินมหาศาลเพื่อแลกกับนักเตะที่อายุใกล้ 30 ปี เป็นเรื่องที่ไม่มีทางเกิดขึ้นกับบาเยิร์นเด็ดขาด
คนที่พอจะมีโอกาสคือ ซาดิโอ มาเน กองหน้าวัย 30 ปีจากลิเวอร์พูล เพียงแต่สตาร์ชาวเซเนกัลเองไม่ใช่กองหน้าในสไตล์เดียวกัน นอกนั้นอาจจะมีกองหน้าในบุนเดสลีกาอย่าง พาทริก ชิก ที่เพิ่งต่อสัญญาใหม่กับไบเออร์ เลเวอร์คูเซน หรือ คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู กองหน้าจากแอร์เบ ไลป์ซิก แต่ดูแล้วไม่ใช่คนจะทดแทนได้อยู่ดี
อย่างไรก็ดี สำหรับเลวานดอสฟกีแล้วอนาคตของเขาก็ยังไม่ถือว่าแน่นอนนัก เพราะบาร์เซโลนายังประสบปัญหาทางการเงินอย่างแสนสาหัสในเวลานี้ โดยมีรายงานข่าวว่าพวกเขาไม่สามารถลงทะเบียนนักเตะใหม่อย่าง แฟรงค์ เคสซี และ อันเดรียส คริสเตนเซน ที่ได้ตัวมาแบบฟรีๆ จากเอซี มิลาน และเชลซี
นั่นหมายถึงโอกาสที่พวกเขาจะคว้าตัวเลวานดอฟสกีที่ต้องจ่ายเงินค่าตัวและค่าเหนื่อยด้วย เป็นโจทย์ยากที่ โจน ลาปอร์ตา ต้องพยายามบริหารจัดการ
เพียงแต่หากสมมติการย้ายทีมไปบาร์เซโลนาล้มเหลวจริง นั่นไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีทีมอื่นที่สนใจสุดยอดกองหน้ารายนี้อีก โดยเฉพาะหากได้ตัวในสนนราคาที่ถือว่าถูก เมื่อเทียบกับผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับที่อย่างน้อยการันตี 30-40 ประตูต่อฤดูกาล
ยกตัวอย่างเช่นทีมจากพรีเมียร์ลีกอย่างเชลซี ที่อาจปล่อย โรเมลู ลูกากู กลับไปให้อินเตอร์ มิลาน หากได้เลวานดอฟสกีมาเป็นนักเตะใหม่เปิดหัวยุคเจ้าของใหม่ ทอดด์ โบห์ลี ที่เพิ่งได้สโมสรมาครอบครองอย่างเป็นทางการก็เป็นเรื่องที่น่ายินดี
ยกเว้นแต่บาเยิร์น มิวนิกจะปรับท่าทีให้อ่อนลง และพยายามกลับมาง้อเลวานดอฟสกีอย่างจริงใจอีกครั้ง
แต่โอกาสที่ทั้งสองฝ่ายจะกลับมาจับมือกันอีกครั้งดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่แทบเป็นไปไม่ได้ในเวลานี้ แม้ว่าในเกมฟุตบอลเราจะไม่สามารถพูดว่า ‘ไม่’ ได้ไม่ว่าจะกับเรื่องใดก็ตาม
อ้างอิง:
- https://theathletic.com/3340331/2022/05/30/lewandowski-bayern-munich-tug-of-war-what-happens-now/
- https://theathletic.com/3249641/2022/04/15/explained-bayern-munich-and-the-uncertainty-over-robert-lewandowskis-future/
- https://theathletic.com/news/robert-lewandowski-my-bayern-story-at-end/GTLY1OxvUrWo/