ลมหนาวเริ่มมาแล้ว และหลายชนิดกีฬา ก็อยู่ในโหมดการฝึกซ้อมโค้งสุดท้าย เพื่อศึกใหญ่ที่กำลังจะเปิดฉากระหว่าง 9-20 ธันวาคม 2025 เมื่อประเทศไทยรับบทเจ้าภาพในมหกรรมซีเกมส์ ครั้งที่ 33
ในทุกสนามซ้อมขณะนี้ เหงื่อกำลังรดลงบนพื้น ฝีเท้ากำลังขัดเกลา และหัวใจนักกีฬากำลังเต้นแรงในจังหวะเดียวกัน เพราะเมื่อเป็น ‘เจ้าบ้าน’ ทุกแรงเชียร์คือพลังที่สามารถเปลี่ยนเหรียญเงินให้กลายเป็นเหรียญทองได้
และเบื้องหลังเสียงเฮที่เราจะได้ยินในเดือนธันวาคมนี้ คือวันนี้…วันที่เครื่องยนต์แห่งความหวังของชาติ กำลังเดินเครื่องอย่างเต็มกำลัง
ฟุตบอล ความคาดหวังที่มากกว่าการเป็นเจ้าบ้าน
ในสนามซ้อม โค้ชวัง-ธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูล ตะโกนสั่งความดุดันให้เด็กหนุ่ม U23 ส่งผ่านลงไปในทุกจังหวะบอล เพราะฟุตบอลชายคือกีฬาที่คนไทย อยากชนะมากที่สุด
ด้วยระบบอายุไม่เกิน 23 ปี นี่คือเวทีพิสูจน์ดาวรุ่งรุ่นต่อไปของทีมชาติไทย หลังจากเปลี่ยนแม่ทัพจาก ทากายูกิ นิชิกายะ เข้าสู่ยุคใหม่ของโค้ชวังตั้งแต่กลางเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา ทีมได้ลงแข่งไปแล้ว 2 ทัวร์นาเมนต์สำคัญ คือการคว้าอันดับ 3 ในศึกยู 23 ชิงแชมป์อาเซียน และการครองจ่าฝูง ศึกยู 23 ชิงแชมป์เอเชีย 2026 รอบคัดเลือก กลุ่มเอฟ และแน่นอนว่า สนามถัดไป คือ ซีเกมส์ ครั้งที่ 33 นั่นเอง
แผนการฝึกซ้อมหลังจากนี้ ของทัพช้างศึกไทย คือเรียกรวมพลอีกครั้งหลังฟีฟ่าเดย์ต้น พฤศจิกายน และอาจเดินทางลงไปฝึกซ้อมสนามที่สงขลาทันที เพื่อให้บ้าน กลายเป็นอาวุธในวันแข่งจริง
“เราจะเร็วกว่าเดิม” ปฏิบัติการยกเครื่องสปรินต์ไทย
นับเป็นอีกหนึ่งชนิดกีฬาที่แฟนๆ ชาวไทยจับตามอง เมื่อทีมกรีฑาไทยตั้งเป้าคว้า 17 ทอง จากการแข่งขันซีเกมส์ในครั้งนี้ ซึ่งมากกว่าการได้เหรียญในซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ที่ 16 เหรียญทอง และแน่นอนว่า กรีฑาวางหัวใจไว้ที่เหรียญทองจากการวิ่งระยะสั้น
การแจ้งเกิดของ บิว-ภูริพล บุญสอน ทำให้ไทยกล้าฝันไกลกว่าเดิม และเพื่อรักษาเหรียญทอง 100 ม. ชายไว้ให้ได้ รวมถึงล่าเพิ่มใน 200 ม. และ 4×100 ม. ทีมชาย สมาคมกรีฑาฯ นำโดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ไชยจินดา ตัดสินใจพลิกกระบวนการฝึกใหม่ให้ทันสมัยกว่าที่เคย
การดึงโค้ชสหรัฐอย่าง Gentry Bradley ผู้เคยปลุกทีมสปรินต์ตะวันออกกลาง อย่าง ซาอุดีอาระเบีย และกาตาร์ ให้ท้าทายเอเชีย คือจิ๊กซอว์สำคัญของแผนครั้งนี้
ค่ายกรีฑาเริ่มซ้อมตั้งแต่เดือน มกราคม เริ่มก่อนหลายชนิดกีฬาเสียอีก และนักกีฬา มีโอกาสเก็บประสบการณ์เวทีนานาชาติอย่างต่อเนื่อง ทั้งกีฬามหาวิทยาลัยโลก และกรีฑาชิงแชมป์โลก 2025
แบดมินตันไทย ผลผลิตของระบบที่ไม่หยุดเติบโต
เสียงลูกแบด “ปั๊ก!” ก้องสะท้อนจากหลายสโมสรทั่วประเทศ เพราะแม้จะเป็นการแข่งขันทีม แต่แท้จริงแล้วการซ้อมของแบดมินตัน…คือ เรื่องของปัจเจก
แบดมินตันไทยคือกีฬาที่ลงทุนด้านโครงสร้างและระบบสร้างคนมาตลอด ปีนี้ตั้งเป้า 2 เหรียญทอง ในประเภททีมชาย และทีมหญิง สะท้อนความแข็งแกร่งที่ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงปีสองปี
แม้จะไม่ค่อยได้เห็นการเก็บตัวรวมทีมยาวนานแบบกีฬาชนิดอื่น เพราะนักกีฬาต้องออกตระเวนแข่งอาชีพทั่วโลก
แต่ยิ่งแข่งมาก = ประสบการณ์ยิ่งแกร่ง และนั่นคือสิ่งที่คู่แข่งอาเซียนหลายชาติตามไม่ทัน
นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายชนิดกีฬาที่มุ่งมั่นฝึกซ้อม แบบไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย ทัพนักกีฬายกน้ำหนักไทย ที่มุ่งมั่นกลับมาทวงบัลลังก์ความแข็งแกร่งคืน แต่ละวันต้องยกเหล็กน้ำหนักเกินร้อยกิโล จนมือแตก ต้องพันผ้าหุ้มไว้ แล้วไปยกต่อ จนแยกไม่ออกว่า สิ่งที่ไหลเข้าตา เป็นหยาดเหงื่อ หรือน้ำตา
หรือจะเป็นทีมบาสเกตบอลหญิง ที่ลงทุนจ้างโค้ชชาวเซอร์เบีย ที่เคยมีประสบการณ์คุมทีมในระดับ NBA มาแล้ว มาคุมทัพ พร้อมเตรียมบินไปเก็บตัวไกลถึงประเทศจีนในเดือนพฤศจิกายรนี้ แม้สรีระจะเล็กกว่า บางกว่า แต่ความมุ่งมั่นไม่ได้น้อยกว่าคู่แข่งขัน
และยังรวมถึงวอลเลย์บอล กีฬาขวัญใจมหาชนที่ครองเบอร์ 1 ของอาเซียนมาอย่างยาวนานในซีเกมส์ ก็ยังต้องติวเข้ม ปรับกลยุทธ์ในการรับมือกับเวียดนาม ทีมที่เขย่าบังลังก์ทีมไทยได้เมื่อกลางปีที่ผ่านมา
ตอนนี้…ทุกกีฬาเต็มไปด้วยความหวัง และความกดดันที่มากกว่าครั้งไหนๆ เพราะ ชัยชนะในบ้าน จะเป็นสิ่งที่สร้างความภาคภูมิใจถึงแฟนกีฬาไทยเป็นอย่างมาก
ยิ่งใกล้วันเปิดฉาก เสียงลมหายใจในแคมป์ซ้อม ก็ยิ่งดังขึ้น…พร้อมกับความฝันของคนไทยทั้งประเทศ และเมื่อวันนั้นมาถึง เราไม่ได้ลุ้นแค่เหรียญ
แต่ลุ้นให้ความพยายามของพวกเขา…สมบูรณ์แบบที่สุดในสนามที่เรียกว่า บ้าน!


