หลังจากคดีฟ้องร้องของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ของสหรัฐฯ ต่อบริษัท Ripple Labs ยืดเยื้อมายาวนานหลายปี ในที่สุด Ripple Labs ก็ได้รับชัยชนะจากข้อกล่าวหาว่าเหรียญ XRP เป็นหลักทรัพย์ วันนี้ THE STANDARD WEALTH จะมาสรุปคดีฟ้องร้องของเหรียญ Ripple (XRP) และแนวโน้มที่คดีนี้จะส่งผลต่ออุตสาหกรรมคริปโตเคอร์เรนซี
ย้อนรอยคดีความระหว่าง ก.ล.ต. สหรัฐฯ และ Ripple Labs
เหรียญ Ripple (XRP) เปิดตัวครั้งแรกโดยบริษัท Ripple Labs เมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2012 ซึ่งเหรียญนี้มีจุดเด่นในเรื่องต้นทุนที่ต่ำและความรวดเร็วในการโอนเงินข้ามพรมแดน
โทเคน XRP ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วนับตั้งแต่ที่ก่อตั้ง จนกระทั่งเมื่อปี 2020 ก.ล.ต. สหรัฐฯ ยื่นฟ้อง Ripple Labs รวมถึง Brad Garlinghouse ซีอีโอคนปัจจุบัน และ Chris Larsen ผู้ร่วมก่อตั้งและอดีตซีอีโอของบริษัทด้วย
ก.ล.ต. สหรัฐฯ กล่าวหาว่าผู้บริหารทำการเสนอขายหุ้นแก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) สำหรับ XRP ซึ่งถือว่าเป็นหลักทรัพย์ที่ไม่ได้จดทะเบียน ซึ่งหลักทรัพย์จะต้องมีการลงทะเบียนกับหน่วยงานและต้องรายงานข้อมูลทางการเงินบางอย่างต่อสาธารณะ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนักลงทุน คดีฟ้องร้องครั้งนี้ทำให้เว็บเทรดคริปโตชั้นนำ รวมถึง Coinbase ประกาศถอนเหรียญ XRP ออกจากกระดานเทรด
Ripple เลือกที่จะต่อสู้กับคดีฟ้องร้องให้ถึงที่สุดแทนที่จะปฏิบัติตามข้อเรียกร้องและจ่ายค่าปรับ ทนายความของ Ripple อ้างว่า ก.ล.ต. สหรัฐฯ ไม่เคยเตือนหรือแจ้งให้บริษัททราบว่า XRP จัดประเภทเป็นหลักทรัพย์ ทำให้ Ripple เชื่อว่า ก.ล.ต. สหรัฐฯ มีอคติหรือมีความไม่ชัดเจนทางด้านกฎระเบียบ บริษัทยังอ้างว่าคณะกรรมาธิการได้ให้ Ethereum ผ่านกฎหมายหลักทรัพย์ โดยบอกว่า ETH ทำงานในลักษณะกระจายอำนาจทั้งที่มีลักษณะการทำงานคล้ายกับ Ripple
หลังจากผ่านกระบวนการทางกฎหมายที่ยืดเยื้อ เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคมที่ผ่านมา ผู้พิพากษา Analisa Torres ตัดสินว่า Ripple ไม่ได้ละเมิดกฎหมายหลักทรัพย์ เมื่อโทเคน XRP ถูกขายให้กับนักลงทุนรายย่อยในเว็บเทรดคริปโต ภาคส่วนคริปโตประสบความสำเร็จในการต่อสู้ทางกฎหมายกับหน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม โทเคนบางส่วนของ XRP ที่ถูกขายให้กับนักลงทุนสถาบันถูกจัดว่าเป็นการเสนอขายหลักทรัพย์ ซึ่งต้องมีการประเมิน Howey Test
เว็บเทรดหลายแห่งกลับมาลิสต์เหรียญ XRP อีกครั้ง ดันราคาพุ่งกว่า 75%
ชัยชนะของ Ripple Labs ครั้งนี้ทำให้หลายเว็บเทรดที่เคยถอนเหรียญ XRP ออกจากกระดานเทรด กลับมาลิสต์เหรียญใหม่อีกครั้ง โดยหลังจากที่ Ripple ชนะข้อกล่าวหาว่าเป็นหลักทรัพย์ที่ไม่ได้จดทะเบียน เว็บเทรดชั้นนำ เช่น Coinbase, Kraken, Bitstamp, Crypto.com และ Binance.US ประกาศลิสต์เหรียญให้นักลงทุนซื้อขายกันอีกครั้งทันที
นอกจากนี้ราคาเหรียญ Ripple (XRP) ได้พุ่งขึ้นทันทีกว่า 75% สู่ระดับสูงสุดในรอบปีที่ 0.93 ดอลลาร์ หลังชนะคดี และกลับมาติดอันดับสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดอันดับ 5 ของโลก ตามมูลค่าตลาดอีกด้วย และ ณ เวลา 14.00 น. ของวันนี้ (16 กรกฎาคม) ราคา XRP ซื้อขายอยู่ที่ 0.7162 ดอลลาร์ ซึ่งให้ผลตอบแทนในช่วง 7 วันที่ผ่านมาประมาณ 52% และปรับตัวขึ้นประมาณ 114% ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา (ตามข้อมูลจาก CoinGecko)
คดีฟ้องร้องของ Ripple Labs จะส่งผลต่ออุตสาหกรรมคริปโตอย่างไร
ผลของคดีฟ้องร้องครั้งนี้เป็นแบบอย่างให้กับแนวทางการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลต่างๆ ในสหรัฐอเมริกา รวมถึงเหรียญอื่นๆ ที่โดนกล่าวหาแบบเดียวกัน
Ripple เลือกที่จะต่อสู้คดีโดยใช้เงินจำนวนมากในกระบวนการทางกฎหมาย และบริษัทรู้ดีว่าผลของคดีนี้มีผลกระทบในวงกว้างต่ออุตสาหกรรมคริปโต นี่จะเป็นตัวเร่งให้หน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐฯ จัดหากรอบกฎหมายที่ชัดเจนมากขึ้นเพื่อปกป้องผู้บริโภค
คดีฟ้องร้องของ Ripple ที่ดำเนินมาหลายปีทำให้อุตสาหกรรมจับตามองอย่างใกล้ชิด Brad Garlinghouse ซีอีโอของ Ripple แสดงความเห็นว่า ความสับสนทางด้านกฎระเบียบของ ก.ล.ต. สหรัฐฯ เป็นสิ่งที่ขัดขวางนวัตกรรมที่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา และนี่ถือเป็นครั้งแรกที่ ก.ล.ต. สหรัฐฯ แพ้คดีความทางคริปโตเป็นครั้งแรก และเป็นชัยชนะครั้งสำคัญของ Ripple Labs
การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยงและความผันผวนสูงมาก นักลงทุนจึงควรกระจายความเสี่ยง ศึกษาหาข้อมูล และวางแผนในการลงทุนด้วยความรอบคอบ บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น
อ้างอิง: