สรรพากรออกโรงชี้แจงกระแสข่าวไล่เก็บภาษีร้านค้าจากโครงการคนละครึ่ง โดยยืนยันไม่ได้มีเป้าหมายมุ่งเน้นการจัดเก็บภาษี แต่หากร้านค้ามีรายได้ถึงเกณฑ์ควรต้องยื่นแบบการเสียภาษีเข้ามา ส่วนจะมีภาษีที่ต้องชำระหรือไม่นั้นขึ้นกับรายได้ ค่าใช้จ่าย และค่าลดหย่อน
ภายหลังจากมีข้อวิจารณ์โครงการคนละครึ่งที่ร้านค้าจำนวนมากถูกเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง ล่าสุด กรมสรรพากรได้ออกมาชี้แจงถึงเรื่องนี้ว่า กรมสรรพากรไม่ได้มุ่งเน้นจัดเก็บภาษีสำหรับพ่อค้าแม่ค้าที่เข้าร่วมโครงการรัฐโครงการใดโครงการหนึ่งแต่อย่างใด
อย่างไรก็ดี พ่อค้าแม่ค้าที่เป็นบุคคลธรรมดา เมื่อมีเงินได้จากการค้าขายซึ่งเป็นรายได้ที่ไม่ได้รับการยกเว้น หากมีเงินได้ถึงเกณฑ์การยื่นแบบแสดงรายการตามกฎหมายกำหนดมีหน้าที่ต้องยื่นแบบแสดงรายการ
สมหมาย ศิริอุดมเศรษฐ ที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์การจัดเก็บภาษี (กลุ่มธุรกิจพลังงาน) ในฐานะโฆษกกรมสรรพากร กล่าวว่า “ผู้ที่มีเงินได้ถึงเกณฑ์ที่ต้องยื่นแบบแสดงรายการจึงมีหน้าที่ต้องยื่นแบบแสดงรายการ ส่วนจะมีภาษีที่ต้องชำระหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับรายได้ ค่าใช้จ่าย และค่าลดหย่อน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
“สำหรับการหักค่าใช้จ่าย กฎหมายให้สิทธิ์ในการเลือกว่าจะขอหักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาจ่ายในอัตราร้อยละ 60 หรือจะเลือกหักค่าใช้จ่ายตามจริงก็ได้ โดยหลักสำคัญของการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดานั้น หากบุคคลธรรมดามีเงินได้จากการค้าขายถือเป็นเงินได้ประเภทที่ 8 มีหน้าที่ต้องนำรายได้ที่ได้รับในปีภาษีมายื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเป็นปกติอยู่แล้ว”
ทั้งนี้ หากท่านมีข้อสงสัยสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่ หรือสำนักงานสำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขาทั่วประเทศ หรือศูนย์สารนิเทศสรรพากร 1161