นักลงทุนรายย่อยทั่วโลกในปีนี้เทรดขาดทุนรวมกันถึง 3.5 แสนล้านดอลลาร์ หรือราว 12.25 ล้านล้านบาท จากการเสี่ยงเข้าเทรดในบรรดาหุ้นที่เคยพุ่งสูงในอดีตอย่าง Tesla
ค่าเฉลี่ยของผลตอบแทนของพอร์ตโฟลิโอของเทรดเดอร์โดยเฉลี่ยติดลบราว 30% ในปีนี้ อิงจากข้อมูลของ Vanda Research ซึ่งทำการศึกษาเทรดเดอร์ที่เทรดด้วยตัวเองทั่วโลก ในขณะที่ดัชนีหุ้นสหรัฐฯ อย่าง S&P 500 ติดลบไป 17% ในปีนี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ไขคำตอบ…ทำไม หุ้นเวียดนาม ดิ่งเกือบจะหนักสุดของโลก ล้างภาพดาวรุ่งแห่งเอเชีย
- จับตา! หุ้นฮ่องกง ดีดกลับจริงหรือแค่ชั่วคราว หลังผู้นำจีนส่งสัญญาณหนุนตลาดหุ้นอีกครั้ง
- ส่อง 9 ตลาดหุ้นเอเชีย ‘อินโดนีเซีย’ แชมป์เงินไหลเข้ามากสุด และเป็นตลาดหนึ่งเดียวที่ยืนบวก
Vanda ระบุว่า นักลงทุนกลุ่มนี้ไม่ได้โฟกัสการเทรดหุ้นในกลุ่ม S&P 500 แต่มักจะโฟกัสการเทรดหุ้นซึ่งเป็นที่รู้จักดีอยู่ Tesla ซึ่งปีนี้ต้องเผชิญกับมูลค่าที่หดหายไปถึง 7.8 หมื่นล้านดอลลาร์
ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิดที่ผ่านมา เทรดเดอร์รายย่อยเข้ามามีบทบาทในตลาดหุ้นอย่างมาก ขณะที่ปัจจุบันตลาดหุ้นกำลังเผชิญกับปีที่ย่ำแย่มากที่สุดนับแต่ปี 2008
“ผลขาดทุนที่เกิดขึ้นในปีนี้เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยเฉพาะการขาดทุนของนักลงทุนวัยหนุ่มสาว” Giacomo Pierantoni หัวหน้าฝ่ายข้อมูลของ Vanda กล่าว
แรงกดดันต่อพอร์ตของเทรดเดอร์รายย่อยเกิดจากการดิ่งลงของหุ้นอย่าง Tesla หรือ Apple นอกจากนี้ พอร์ตของเทรดเดอร์รายย่อยยังเผชิญกับการขาดทุนจากหุ้นอย่าง Advanced Micro Devices และ Nvidia ซึ่งราคาหุ้นลดลงกว่า 40% ในปีนี้ เช่นเดียวกับนักลงทุนที่โฟกัสการลงทุนในกองทุน ETF อย่าง SPDR S&P 500 ETF Trust และกองทุนเทคโนโลยีอย่าง Invesco QQQ Trust Series 1 ซึ่งล้อไปตามดัชนี Nasdaq 100 ต้องเผชิญกับการขาดทุนหนักที่สุดในรอบกว่า 10 ปี
“นักลงทุนได้เรียนรู้ที่จะว่องไวขึ้นอีกสักหน่อยในบรรยากาศเช่นนี้” Callie Cox นักกลยุทธ์การลงทุนของ eToro Group กล่าว “เมื่อทุกอย่างไม่ได้กำลังวิ่งขึ้น คุณยิ่งจำเป็นจะต้องมีกลยุทธ์ในการเทรด”
ขณะที่ JPMorgan Chase & Co. ยิ่งประเมินว่าผลงานของรายย่อยในปีนี้น่าจะแย่กว่าที่ Vanda ประเมินเสียอีก โดยคาดว่าพอร์ตของรายย่อยน่าจะขาดทุนถึง 38% ในปีนี้
แต่กลุ่มเทรดเดอร์ที่ดูเหมือนจะขาดทุนหนักกว่าในปีนี้คือ รายย่อยที่ลงทุนในตลาดคริปโต หรือสินทรัพย์ดิจิทัลอย่าง NFT ท่ามกลางราคาของ Bitcoin ที่ลดลง 64% ในปีนี้ ขณะที่ Bloomberg Galaxy Crypto Index ซึ่งติดตามราคาโทเคนต่างๆ มีมูลค่าลดลงไปราว 2 ใน 3
Cox กล่าวว่า “มองไปในอนาคต นักลงทุนจะได้บทเรียนจากปีนี้ และจะมีประสบการณ์มากขึ้น เทรดเดอร์รายย่อยอาจจะยังอยู่ในตลาดนานกว่าหลายคนคาดคิด เพราะเทรดเดอร์ที่ขาดทุนหนักในปีนี้ต่างยังอายุน้อยและรับความเสี่ยงได้สูงกว่า”
อ้างอิง: