วันนี้ (19 กุมภาพันธ์) ผลการศึกษาจากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ร่วมกับวิทยาลัยสุขภาพและเวชศาสตร์เขตร้อนของมหาวิทยาลัยลอนดอน (LSHTM) ของสหราชอาณาจักร ซึ่งเผยแพร่เมื่อวานนี้ พบว่าชาวผิวดำและชาวเอเชียใต้ในสหราชอาณาจักรได้รับวัคซีนป้องโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (โควิด-19) ล้าหลังกว่าคนกลุ่มอื่นๆ ในแผนการฉีดวัคซีนของประเทศ
รายงานระบุว่า ราวร้อยละ 55 ของกลุ่มคนผิวดำอายุ 70-79 ปี ในอังกฤษได้รับวัคซีนในสัปดาห์ก่อน ซึ่งต่ำกว่าอัตราการรับวัคซีนของกลุ่มคนผิวขาวในช่วงอายุเดียวกันที่สูงถึงร้อยละ 86 ด้านอัตราการรับวัคซีนของชาวเอเชียใต้อายุ 70-79 ปี อยู่ที่เพียงร้อยละ 73 เมื่อนับถึงวันที่ 11 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ตัวเลขดังกล่าวถูกเปิดเผยหลังจากรัฐบาลสหราชอาณาจักรกล่าวว่า บรรลุเป้าหมายฉีดวัคซีนให้กลุ่มคนที่มีความสำคัญสูงสุด ซึ่งครอบคลุมประชาชน 15 ล้านคน ภายในกลางเดือนกุมภาพันธ์
สถิติทางการล่าสุดระบุว่า ประชาชนในสหราชอาณาจักรที่ได้รับวัคซีนโดสแรกแล้วอยู่ที่เกือบ 16 ล้านคน โดย นาดิม ซาฮาวี รัฐมนตรีผู้รับผิดชอบด้านวัคซีนกล่าวว่า รัฐบาลจะไม่หยุดพักจนกว่าวัคซีนจะถูกแจกจ่ายให้ประชาชนอายุ 50 ปีขึ้นไปทั้งหมดภายในสิ้นเดือนเมษายน
อย่างไรก็ตาม การศึกษาข้างต้นพบว่า ประชาชนที่มีพื้นเพเป็นคนผิวดำและชาวเอเชียใต้ ‘ลังเล’ ที่จะฉีดวัคซีน โดยการวิจัยก่อนหน้านี้พบว่า ชนกลุ่มน้อยในสหราชอาณาจักรเสียชีวิตด้วยโรคโควิด-19 อย่างไม่สมส่วนกับจำนวนประชากร
อนึ่ง ข้อมูลเมื่อวานนี้ระบุว่า สหราชอาณาจักรพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 เพิ่ม 12,718 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยสะสมอยู่ที่ 4,071,185 ราย ผู้ป่วยเสียชีวิตเพิ่ม 738 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยเสียชีวิตรวมอยู่ที่ 118,933 ราย โดยนับเฉพาะผู้เสียชีวิตภายใน 28 วัน หลังจากมีผลตรวจโรคเป็นบวก
ปัจจุบันอังกฤษอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศครั้งที่สาม นับตั้งแต่เกิดการระบาดใหญ่ในประเทศ โดยสกอตแลนด์ เวลส์ และไอร์แลนด์เหนือ ใช้มาตรการคล้ายคลึงกัน
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง:
- สำนักข่าวซินหัว