1 พฤศจิกายนนี้ ประเทศไทยจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติเกือบ 100% จะมีพื้นที่สีแดงเข้มเหลือเพียง 7 จังหวัด ได้แก่ จันทบุรี ตาก นครศรีธรรมราช นราธิวาส ปัตตานี ยะลา และสงขลา ส่งผลให้มาตรการเคอร์ฟิวเหลือเพียง 7 จังหวัดนี้
นอกจากนี้ ล่าสุดทาง ศบค. ยังกำหนดพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว (สีฟ้า) 4 จังหวัด ได้แก่กทม. กระบี่ พังงา และภูเก็ต โดยพื้นที่สีฟ้าอนุญาตให้จำหน่ายและดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านได้
การผ่อนคลายมาตรการดังกล่าวจะช่วยให้กิจกรรมเศรษฐกิจฟื้นตัวในช่วงปลายปีได้ เช่นเดียวกับกำไรบริษัทที่เชื่อว่าจะผ่านจุดต่ำสุดตั้งแต่ไตรมาส 3/64
อย่างไรก็ตาม สำหรับการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ธีม Reopening เป็นปัจจัยรับรู้กันมาสักระยะหนึ่งแล้ว และราคาหุ้นที่ถูกคาดการณ์ว่าจะได้รับอานิสงส์เชิงบวก เช่น กลุ่มท่องเที่ยวและโรงแรม กลุ่มค้าปลีก และกลุ่มโลจิสติกส์ ก็ปรับเพิ่มขึ้นมาระดับหนึ่ง จนเริ่มเกิดการตั้งข้อสังเกตว่าหุ้นในธีม Reopening นี้ราคาแพงไปหรือยัง
เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ และหัวหน้าสายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า หุ้นในธีม Reopening หรือ Restart ปรับตัวขึ้นระดับหนึ่งแล้วตั้งแต่มีการประกาศผ่อนคลายล็อกดาวน์ในรอบก่อนหน้า โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวและโรงแรม ส่วนกลุ่มที่ได้อานิสงส์ลำดับรองมาก็ปรับเพิ่มขึ้นเช่นกัน อย่างไรก็ตาม นักลงทุนมีการขายทำกำไรเป็นระยะ ดังจะเห็นได้จากราคาหุ้น AOT ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นก่อนหน้านี้และปรับลดลงจากแรงขายทำกำไรในที่สุด
จึงประเมินว่าหุ้นธีม Restart ยังน่าลงทุนอยู่ เนื่องจากยังมีอัปไซด์อยู่พอสมควร โดยเรียงลำดับความน่าสนใจเข้าลงทุนดังนี้
- กลุ่มแบงก์ เนื่องจากความกังวลเรื่องคุณภาพสินทรัพย์เริ่มลดลง ราคาหุ้นจึงควรจะสะท้อนในทิศทางบวก หลังจากที่ความเสี่ยงดังกล่าวกดดันราคาหุ้นทั้งกลุ่มมาสักระยะ
- กลุ่มค้าปลีก โดยที่ผ่านมากลุ่มค้าปลีกเป็นกลุ่มที่ได้อานิสงส์จากการคลายล็อกดาวน์ แต่ราคาหุ้นกลับไม่สะท้อนมากนัก แม้ว่าสัญญาณของ SSSG จะดีขึ้นต่อเนื่องก็ตาม หุ้นเด่นแนะนำคือ CRC, CPN
- กลุ่มท่องเที่ยว โรงแรม และสายการบิน เนื่องจากการเปิดให้ดำเนินการกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากขึ้นและผ่อนคลายกฎระเบียบด้านการเดินทาง จะทำให้รายได้เริ่มฟื้นตัว อย่างไรก็ตาม กลุ่มนี้ราคาหุ้นใกล้เต็มมูลค่าแล้ว เพราะปรับตัวขึ้นรับข่าวดีตั้งแต่ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์
- กลุ่มโรงแรมที่มีเครือข่ายในประเทศจำนวนมาก โดยผลประกอบการไตรมาส 4 น่าจะดีขึ้นจากกำลังซื้อภายในประเทศเป็นหลัก
- กลุ่มนิคมอุตสาหกรรมและรับเหมาก่อสร้าง แต่กลุ่มนี้ที่จะได้ประโยชน์จากการเปิดเมืองในปีหน้ามากกว่า เพราะต้องรอติดตามมาตรการด้านการกระตุ้นการลงทุนของภาครัฐก่อน
“ธีม Restart ถูกนำมาประกอบการพิจารณาการลงทุนเป็นระยะ เห็นได้จากความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น ส่วนการประเมินมูลค่าเหมาะสม ASP ประเมินโดยมองแนวโน้มผลประกอบการในปี 2565 ไปด้วย ดังนั้น ในช่วงนี้ถึงต้นปีหน้าก็จะยังไม่มีการปรับมูลค่าเหมาะสมของหุ้นที่เราแนะนำ อย่างไรก็ตาม หากกิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมาหนาแน่น หรือใกล้เคียงช่วงก่อนโควิดในเวลาอันรวดเร็ว ก็จะมีการรีวิวมุมมองอีกครั้ง”
ณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ กล่าวว่า การเปิดเมืองเกือบ 100% ที่เริ่มต้นในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ เป็นปัจจัยเชิงบวกทั้งต่อราคาหุ้นและแนวโน้มผลการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจที่ได้รับประโยชน์จากการคลายมาตรการดังกล่าว เนื่องจากในภาคเศรษฐกิจจริงจะมีกิจกรรมทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น ซึ่งในไตรมาส 4 ของปียังเป็นช่วงเทศกาลที่จะมีกำลังซื้อในประเทศและจากต่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างมาก
ในด้านราคาหุ้น ประเมินว่าราคาหุ้นหลายบริษัทตอบรับกับปัจจัยบวกไปมากแล้ว โดยเฉพาะกลุ่มโรงแรมและท่องเที่ยว ซึ่งราคาหุ้นหลายบริษัทปรับขึ้นไปใกล้เคียงกับช่วงก่อนเกิดโควิดแล้ว
สำหรับผลบวกต่อผลการดำเนินงาน ก็มีทั้งกลุ่มที่คาดหวังได้ยอดขายในไตรมาส 4 จะเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และกลุ่มที่ผลประกอบการน่าจะดีขึ้นในปีหน้าเป็นต้นไป ซึ่งต้องดูกำลังซื้อจริงก่อนว่าจะฟื้นตัวขึ้นหลายจากคลายล็อกดาวน์เกือบ 100% หรือไม่
“มองในมุมผลประกอบการโดยรวม การเปิดเมืองในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ ทำให้เกิดความคาดหวังเชิงบวกว่าผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาส 3 ที่ผ่านมาอย่างแน่นอน”
ณัฐชาตกล่าวว่า กลุ่มน่าสนใจเข้าลงทุนตามธีม Reopening คือกองรีท จาก 2 เหตุผลหลัก เรื่องแรกคือ ราคาที่ปรับลดลงค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับช่วงก่อนโควิด และยังไม่ปรับเพิ่มขึ้น เรื่องที่ 2 คือ เมื่อเปิดเมืองเต็มที่ กิจกรรมทางเศรษฐกิจก็จะกลับมาคึกคักอีกครั้ง ทั้งรีทที่เป็นสำนักงานให้เช่าและรีทโรงแรมก็จะกลับมารับรู้รายได้จากสินทรัพย์ที่เข้าลงทุน โดย บล.ทรีนีตี้ แนะให้มีกองรีทในพอร์ตลงทุน 5-10%
นอกจากนี้ยังประเมินว่ากลุ่มค้าปลีกและขนส่งมวลชนมีความน่าสนใจเข้าลงทุน แต่ต้องเลือกเป็นรายบริษัท โดยหุ้นแนะนำสำหรับกลุ่มค้าปลีกคือ CPALL, HMPRO เนื่องจากราคายังต่ำกว่าช่วงก่อนเกิดโควิด ส่วนกลุ่มขนส่งมวลชน แนะนำ AOT, BEM, BTS เนื่องจาก Capacity จะมีประสิทธิภาพมากขึ้นตามแนวโน้มจำนวนการใช้บริการ
และแนะนำลงทุนกลุ่มโรงแรม คือ AWC และ ERW เพราะมีสัดส่วนโรงแรมในประเทศค่อนข้างมาก จึงได้อานิสงส์จากกำลังซื้อในประเทศ ขณะที่ราคายังปรับขึ้นไม่มาก
ทางด้าน ณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บล.หยวนต้า กล่าวว่า หุ้นธีม Reopening หลายบริษัทราคาปรับขึ้นไปเท่ากับช่วงก่อนโควิดแล้ว เช่น CENTAL, MINT ซึ่งก็สะท้อนว่าความคาดหวังของนักลงทุนนั้นมีจุดสมดุลอยู่ที่ช่วงก่อนเกิดโรคระบาด
ขณะที่ยังมีหุ้นค้าปลีกที่อยู่ในธีม Reopening เหมือนกัน แต่ราคากลับขยับขึ้นไม่มากทั้งที่มีน่าสนใจเพิ่ม นั่นคือต้นทุนที่มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ซึ่งจะสะท้อนสู่ความสามารถในการทำกำไร โดยในช่วงที่เกิดโควิดในต้นปี 2563 ต่อเนื่องมาจนถึงปีนี้ กลุ่มค้าปลีกได้รับผลกระทบหนักก็จริง แต่ก็มีการปรับปรุงต้นทุนต่างๆ จนโครงสร้างต้นทุนดีขึ้น ดังนั้น เมื่อเปิดประเทศเต็มที่ ลดเคอร์ฟิวในหลายๆ จังหวัด กิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมา กำลังซื้อฟื้นตัว ราคาหุ้นกลุ่มนี้ก็ควรจะสะท้อนมุมมองเชิงบวกมากขึ้น โดยบล.หยวนต้า แนะนำหุ้น CPALL, BJC, HMPRO และ MBK
นอกจากนี้ยังมีกลุ่มที่ได้รับอานิสงส์ลำดับรองจากธีม Reopening นั่นคือกลุ่มร้านอาหาร โลจิสติกส์ สื่อสาร แต่ยังต้องรอดูกำลังซื้อในประเทศก่อนว่าจะฟื้นตัวกลับมาหรือไม่ จึงแนะนำให้ Wait & See
“สิ่งที่ต้องติดตามในวันที่ 1 พฤศจิกายนเป็นต้นไป ก็คือ มีนักท่องเที่ยวเข้ามาช่วยเติมเต็มเศรษฐกิจตามที่เราคาดหวังหรือไม่ ซึ่งตรงนี้มองว่าการตอบรับจากนักท่องเที่ยวน่าจะเป็นเหมือนตอนภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ คือได้รับความสนใจในช่วงเปิดตัวและก็เงียบไป จากนั้นก็บูมขึ้นอีกครั้ง เปิดประเทศรอบนี้ก็น่าจะเป็นทิศทางเดียวกัน อีกเรื่องที่ต้องตามคือตัวเลขผู้ติดเชื้อหลังจากที่ประเทศเปิดประเทศเกือบ 100%”
ฝ่ายวิจัย บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุว่าหุ้นกลุ่ม Reopening Play จะตอบรับเชิงบวกต่อการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวของไทย และคลายล็อกดาวน์ รวมถึงเคอร์ฟิวในหลายพื้นที่ อย่างไรก็ตาม เชิงกลยุทธ์แนะนำเลือกหุ้นที่ราคายังมีส่วนลด (Discount) จากช่วงก่อนโควิด หรือราคายังต่ำกว่าปลายปี 2562 จะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ
โดยแนะนำดังนี้
กลุ่มท่องเที่ยว: SPA, ERW
กลุ่มขนส่งมวลชน: BTS, BEM, AOT
กลุ่มค้าปลีก: BJC, CPALL, CPN
กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และนิคม: AWC, WHA, AMATA
กลุ่มสื่อ: VGI, MAJOR
หุ้นธีม Reopening ได้รับอานิสงส์จากการประกาศเปิดประเทศในทุกครั้ง จนล่าสุดที่มีการคลายมาตรกรต่างๆ จนเกือบเปิดประเทศ 100% หุ้นธีมนี้จึงเริ่มมีอัปไซด์จำกัดเมื่อเทียบกับราคาก่อนการเกิดโควิด