วานนี้ (31 มกราคม) สุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ตรวจเยี่ยมการพัฒนาพื้นที่ภายในสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (จตุจักร) เพื่อรองรับการให้บริการประชาชนตามนโยบายของกระทรวงคมนาคม และการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อยกระดับความสะดวกและความปลอดภัยในการให้บริการประชาชน
สุรพงษ์กล่าวว่า กระทรวงคมนาคมได้ให้ความสำคัญในการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวก และยกระดับความสะดวกและความปลอดภัยให้กับผู้ใช้บริการรถโดยสารสาธารณะ จึงได้มอบให้บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) แก้ไขปัญหาภายในสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (จตุจักร) หรือหมอชิต 2 โดยเฉพาะในพื้นที่ชานชาลาขาเข้าที่มีการร้องเรียนว่ามีกลุ่มบุคคลก่อกวนผู้โดยสารขณะลงจากรถโดยสาร
โดยได้ให้ บขส. ร่วมกับกรมการขนส่งทางบก และสถานีตำรวจนครบาลบางซื่อ จัดเจ้าหน้าที่หมุนเวียนตรวจตราและดูแลความปลอดภัย และตั้งป้อมรักษาความปลอดภัยในบริเวณดังกล่าว และเพื่อให้การบริหารจัดการพื้นที่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567 เป็นต้นไป บขส. ได้กำหนดให้รถโดยสารทุกคันที่เดินทางมาถึงสถานีขนส่งหมอชิต 2 ในช่วงเวลา 20.00-04.00 น. ของวันถัดไป จอดส่งผู้โดยสารบริเวณชานชาลาที่ 112-122 ของอาคารสถานีขนส่งฯ (ขาออก) โดยช่วงเวลาดังกล่าว บขส. จะปิดพื้นที่ (ขาเข้า) ชั่วคราว โดยจะใช้พื้นที่สำรองวินของรถโดยสาร บขส. เท่านั้น และห้ามบุคคลอื่นเข้าพื้นที่โดยไม่ได้รับอนุญาต
ทั้งนี้ บขส. ได้แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ผู้ประกอบการ รถแท็กซี่ จัดรถโดยสารอำนวยความสะดวกประชาชนในพื้นที่ (ขาออก) โดยผู้ใช้บริการสามารถเลือกเดินทางต่อรถโดยสารสาธารณะที่บริเวณด้านหน้าสถานีขนส่งฯ รถแท็กซี่ บริเวณชั้น 1 และชั้น 3 รถรับจ้างหรือรถยนต์ส่วนตัวมาจอดรับที่บริเวณลานจอดรถชั้น 1 ได้
นอกจากนี้ ตามนโยบาย Quick Win บขส. ได้จัดการเดินรถ Feeder โดยรถโดยสาร บขส. ทุกคันจะจอดส่งผู้โดยสารที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ก่อนที่จะเข้าสถานีขนส่งหมอชิต 2 ผู้โดยสารสามารถเชื่อมต่อการเดินทางด้วยรถไฟ, รถไฟฟ้าสายสีแดง, รถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน, รถเมล์ ขสมก. หรือจะเลือกเดินทางต่อไปที่สถานีขนส่งหมอชิต 2 ได้เช่นกัน
สุรพงษ์กล่าวอีกว่า ได้กำชับให้ บขส. เร่งพัฒนาปรับปรุงสถานีขนส่งฯ เช่น เพิ่มเติมไฟฟ้าส่องสว่าง ปรับภูมิทัศน์ให้สวยงามและเป็นระเบียบเรียบร้อย ประชาสัมพันธ์การเปิดให้ประชาชนสามารถซื้อตั๋วเดินทางล่วงหน้าและจองผ่านช่องทางออนไลน์ โดยปัจจุบัน บขส. ได้เปิดจองตั๋วล่วงหน้า 1 ปี และสามารถจองตั๋วผ่านแอปพลิเคชัน E-Ticket หรือเว็บไซต์ได้แล้ว นอกจากนี้ ได้ย้ำให้ประชาสัมพันธ์จุดขึ้น-ลงรถโดยสารสาธารณะ และให้จัดระบบรักษาความปลอดภัยในการเข้าใช้สถานีขนส่งฯ ให้เข้มงวดมากขึ้น ทั้งนี้ตนจะติดตามความคืบหน้าของการพัฒนาสถานีขนส่งฯ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเชื่อว่าจะเห็นผลงานชัดเจนได้ก่อนเทศกาลสงกรานต์ที่จะถึงนี้