วันนี้ (24 มกราคม) เมื่อเวลา 10.30 น. ณ ที่ทำการสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ จัดงานแถลงข่าวต่อสัญญาฉบับใหม่กับ อากิระ นิชิโนะ หัวหน้าผู้ฝึกสอนฟุตบอลชายทีมชาติไทยชุดใหญ่และรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ออกไปถึงปี 2022
โดยสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ จัดการแต่งตั้งนิชิโนะเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนในช่วงเดือนกรกฎาคม 2019 พร้อมพาทีมชาติไทยทำศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบแบ่งกลุ่ม รอบ 2 พร้อมกันนี้ยังคุมทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปีในการทำศึกซีเกมส์และศึกชิงแชมป์เอเชียรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี รอบสุดท้าย ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ
ภายหลังการลงนาม พล.ต.อ.ดร.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ กล่าวว่า “เรียนแฟนบอลชาวไทยและสื่อมวลชนทุกท่าน ตลอดระยะเวลาที่ทางสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ได้ทำงานร่วมกับ อากิระ นิชิโนะ เราก็ได้เห็นความมุ่งมั่นความตั้งใจในการวางรากฐานและพัฒนาทีมชาติไทยทั้งรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี และทีมชาติไทยชุดใหญ่
“จากการพูดคุยและทำงานร่วมกัน ผมได้เรียนรู้และเข้าใจว่าโค้ชนิชิโนะไม่ได้คิดที่จะพัฒนาแค่ U23 หรือชุดใหญ่เท่านั้น เขาอยากจะวางระบบการฝึกสอนและวิธีการเล่นของนักกีฬาตั้งแต่เยาวชน ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี ถ้าหากการฝึกของนักฟุตบอลไทยได้มีการวางระบบ ทำให้วันนี้สมาคมฯ เห็นว่าเป็นเรื่องจำเป็นที่เราจะต้องวางระบบ ทำให้วันนี้สมาคมฯ และนิชิโนะได้บรรลุข้อตกลงในสัญญาร่วมกันไปอีก 2 ปี
“แต่การเซ็นสัญญาฉบับนี้ไม่ได้แปลว่าเราจะทำงานร่วมกันอีกแค่ 2 ปี ถ้าเราทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพและมองถึงประโยชน์ในวันข้างหน้า ทางสมาคมฯ ก็พร้อมที่จะต่อสัญญาต่อไป
“เราพอใจกับการทำงานของนิชิโนะ ในขณะเดียวกันสมาคมฯ ได้ทำงานร่วมกับ การ์เลส โรมาโกซา ซึ่งมีความรู้และประสบการณ์หลายด้าน และทั้งสองท่านก็จะร่วมมือกัน ต่อไปนี้นิชิโนะจะมีหน้าที่ฝึกสอนทีมชาติ U23 และชุดใหญ่ และจะส่งต่อความคิดให้โรมาโกซานำไปวางรูปแบบในการพัฒนาเยาวชน เชื่อว่าถ้าบุคคลที่มีประสิทธิภาพระดับโลกทำงานร่วมกัน ผมมั่นใจว่าเรากำลังอยู่ในเส้นทางที่ดี
“แต่การพัฒนาฟุตบอลต้องใช้เวลา วันนี้เราเริ่มต้น จากนี้เมื่อเราเติบโตขึ้นมา และได้รับการดูแลอย่างดีจากคนที่มีความสามารถ ผมมั่นใจว่าผลผลิตจะต้องออกมาดีอย่างแน่นอน เชื่อว่าฟุตบอลไทยจะก้าวไปไกล ถ้าเราก้าวไปด้วยกัน
“จากนี้ภายใต้การทำงานของนิชิโนะ สมาคมฯ พร้อมและยินดีที่จะให้การสนับสนุนการทำงานในทุกๆ ด้าน ซึ่งต้องขอบคุณนิชิโนะที่มีวิสัยทัศน์และมองว่าอยากสร้างบุคลากร โค้ช ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาฟุตบอลเป็นคนไทย จะเห็นว่านิชิโนะพยายามใช้สตาฟฟ์โค้ชคนไทย เป็นเพราะนิชิโนะหวังดีต่อวงการฟุตบอลไทย เพราะต้องการให้ทุกคนได้ประสบการณ์ ศึกษาวิธีการ ปรัชญา จิตวิทยาของนิชิโนะ นี่คือสาเหตุหลักที่เราไม่ได้มองหาสตาฟฟ์โค้ชชาวญี่ปุ่น เพราะนี่คือความต้องการของนิชิโนะ เขาอยากให้โอกาสกับคนไทย
“ผมมีความเชื่อมั่นและมั่นใจว่าภายใต้การคุมทีมของนิชิโนะจะต้องสร้างสิ่งที่ดีๆ ให้เกิดขึ้นในวงการฟุตบอลไทย แต่ก็ต้องให้เวลากับนิชิโนะ ผมเชื่อว่าเมื่อนิชิโนะอยู่กับเรานานๆ สิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้จะเป็นสิ่งที่สร้างรอยยิ้มและความสุขแก่แฟนบอลไทยได้แน่นอน”
ด้าน อากิระ นิชิโนะ หัวหน้าผู้ฝึกสอนฟุตบอลชายทีมชาติไทยชุดใหญ่และรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี กล่าวว่า “หลังจากที่ทำงานกับทีมชาติไทยมานานกว่า 7 เดือนก็รู้สึกเป็นเกียรติอย่างมาก แต่ก็ยังมีปัญหาเรื่องการสื่อสารและการปรับตัวกับวัฒนธรรมไทย
“ตลอดการทำงานที่ผ่านมาก็ได้รับการสนับสนุนที่ดีจากแฟนบอลรวมถึงสื่อมวลชน ผมเข้าใจดีว่าความคาดหวังของแฟนบอลต่อทีมชาติไทยค่อนข้างสูง ผมก็จะพยายามตอบสนองให้ได้ตามที่คาดหวัง
“คิดว่าที่ผ่านมาทีมก็มีการพัฒนาในระดับหนึ่งทั้งชุดใหญ่และรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ก็ทำให้ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากและภูมิใจที่ได้ขยายสัญญาการทำงานออกไปอีก 2 ปี แต่ก็ไม่ขอโฟกัสอะไรมาก เพราะหน้าที่หลักคือผมจะพยายามพัฒนาทีมไปให้ได้ไกลมากที่สุด
“ทุกอย่างมันต้องใช้เวลาอย่างที่นายกสมาคมฯ กล่าว มันไม่ใช่แค่เวลามาทีมชาติ แต่รวมถึงเวลาที่เขาอยู่กับสโมสรไม่ว่าจะในหรือนอกประเทศ ซึ่งเราจะต้องพยายามพัฒนาอย่างต่อเนื่อง อย่างในการแข่งขันชิงแชมป์เอเชียรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ก็ทำให้รู้ว่านักเตะไทยมีศักยภาพและอนาคตที่จะพัฒนาไปได้ไกลกว่านี้ ก็อยากจะร่วมมือกันและพยายามจะนำประสบการณ์ครั้งนี้มาเป็นแบบอย่างในการพัฒนาต่อไป
“คิดว่าไม่ใช่แค่นี้ แต่เราต้องพัฒนาเยาวชน รวมถึงบุคลากรและโค้ช เพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง ตอนนี้ก็จะพยายามสนับสนุนโรมาโกซาอย่างเต็มที่ เพื่อให้การทำงานเป็นระบบมากกว่าเดิมในอนาคต
“ในกรณีที่เราจะดึงสตาฟฟ์โค้ชชาวญี่ปุ่นมา คนที่พร้อมและมุ่งมั่นอยากพัฒนาฟุตบอลก็ไม่สะดวกที่จะมา และติดงานด้วยส่วนหนึ่ง
“ที่ญี่ปุ่น ผมเองก็มีสตาฟฟ์คู่ใจ แต่ด้วยจังหวะที่ยังไม่พอดีเท่าไร และหลังจากที่ผมร่วมมือกับสตาฟฟ์โค้ชชาวไทย ทุกคนต่างก็มีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาทีมชาติไทย และพร้อมที่จะเรียนรู้เพื่อพัฒนาตัวเอง ทำให้เราตัดสินใจใช้สตาฟฟ์โค้ชคนไทยต่อไป
“อย่างที่ได้พูดในห้องแถลงข่าว ส่วนหนึ่งในการพัฒนาฟุตบอลอย่างยั่งยืน นอกจากการพัฒนานักฟุตบอลแล้วก็ต้องพัฒนาบุคลากรทางโค้ชด้วย ซึ่งต้องมีทั้งปริมาณและคุณภาพ ตอนนี้คิดว่าวงการฟุตบอลไทยเราขาดทั้งในแง่ของปริมาณและคุณภาพ
“ตอนนี้เราก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อมในการเจอกับอินโดนีเซียในช่วงเดือนมีนาคมนี้ก่อน ลำดับต่อมาก็คือเมื่อไทยลีกเปิดฤดูกาลก็ต้องเฟ้นหาว่าใครสมควรได้รับโอกาสขึ้นมาอยู่ในทีมชาติชุดใหญ่ สิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้คือเรามีทรัพยากรที่จำกัด ทำให้ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเท่าไร มันก็เป็นหน้าที่ของผมที่จะต้องพยายามเฟ้นหา ไม่ใช่แค่การแข่งขันอย่างเดียว และดูว่าชีวิตประจำวันหรือตอนฝึกซ้อมกับสโมสรเป็นอย่างไรบ้าง เกมการแข่งขันอุ่นเครื่อง ใครมีแววบ้าง การขยายทีมให้ใหญ่ขึ้นมันก็จะทำให้การแข่งขันสูงขึ้น และทำให้นักเตะต้องกระตุ้นการพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ
“สำหรับโปรแกรมวันที่ 30 มีนาคมนี้ก็ได้ปรึกษากับทางสมาคมฯ ให้มองหาทีมที่จะมาอุ่นเครื่อง คิดว่าน่าจะมีการจัดการแข่งขัน ส่วนรายชื่อนักเตะคงจะแยกออกจากกลุ่มที่แข่งขันกับอินโดนีเซียในวันที่ 26 มีนาคม ส่วนชุดวันที่ 30 มีนาคมจะเป็นอีกชุดหนึ่งไปเลย น่าจะให้โอกาสนักเตะ U23 และคนอื่นที่มีแวว ก็อยากให้นักเตะได้มีประสบการณ์ ได้แข่งขัน สร้างผลงานให้กับตัวเองมากยิ่งขึ้น
“ตารางการแข่งขันปีนี้ การแข่งขันฟุตบอลไทยลีกจะหยุดพัก 1 สัปดาห์ก่อนโปรแกรมทีมชาติเสมอ ขอบคุณทุกสโมสรที่ให้ความร่วมมือ และหากมีรายละเอียดอะไรก็จะมาแจ้งให้ทราบอีกครั้ง
“เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ทางโรมาโกซาก็ได้เตรียมแผนทั้งสั้น กลาง และยาว มาอธิบายว่าอนาคตจะพัฒนาฟุตบอลไทยอย่างไร เราก็พยายามนำข้อมูลมาแชร์กัน เช่น ระบบฟุตบอลตรงไหนที่ต้องจูนให้ดีขึ้น ก็จะพยายามทำงานควบคู่กันไป และพัฒนาฟุตบอลไทยต่อไป
“ทั้งนักเตะและผู้ช่วยโค้ชเอง แม้ว่าจะได้ร่วมงานกันมาบ้าง แต่ก็จะพยายามเรียนรู้และปรับตัวให้คุ้นเคยกับคนไทยมากยิ่งขึ้น”
สำหรับทีมชาติไทยชุดใหญ่จะลงแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย กลุ่ม G เปิดบ้านรับการมาเยือนของอินโดนีเซีย ในวันที่ 26 มีนาคม 2020
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์