อมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สำนักวิจัย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ประเมินว่า การผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ของ ศบค. ให้สามารถนั่งรับประทานอาหารในร้านได้ 50-75% ของจำนวนที่นั่ง รวมถึงการอนุญาตให้ห้างสรรพสินค้า ธุรกิจร้านเสริมสวย ร้านตัดผม และร้านนวดกลับมาเปิดให้บริการได้ ถือเป็นสัญญาณเชิงบวกของเศรษฐกิจไทย อย่างไรก็ดี ยังมองว่าการคลายล็อกดาวน์รอบนี้เศรษฐกิจจะไม่สามารถฟื้นตัวได้เร็วเหมือนในปีก่อน
“การคลายล็อกดาวน์ในรอบก่อน เรามี Pent-Up ดีมานด์รออยู่ พอคลายล็อกเศรษฐกิจจึงเด้งกลับค่อนข้างเร็ว ซึ่งต่างจากในครั้งนี้ที่แม้ตัวเลขผู้ติดเชื้อจะเริ่มลดลงแต่ก็ยังอยู่ในระดับสูง ขณะที่การฉีดวัคซีนก็ยังล่าช้ากว่าเป้า ทำให้คนจะยังระมัดระวังการใช้จ่าย” อมรเทพ กล่าว
อมรเทพ คาดว่า การผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์จะส่งผลให้ตัวเลขค้าปลีกในเดือนกันยายนถึงตุลาคมปรับตัวดีขึ้น โดยกลุ่มที่ฟื้นตัวได้เร็วคือธุรกิจอาหาร เครื่องดื่ม และธุรกิจ Stand Alone แต่กลุ่มสินค้าคงทนจะยังฟื้นตัวได้ช้า โดยยังมองว่าภาพรวมการบริโภคเอกชนในปีนี้จะติดลบ
“การคลายล็อกดาวน์ถือเป็นเรื่องดี เพราะเศรษฐกิจไทยในเชิงโครงสร้างไม่สามารถทนต่อการล็อกดาวน์ที่ยาวนานได้ เนื่องจากแรงงานในประเทศส่วนมากประกอบอาชีพอิสระ ขณะเดียวกันเราก็ไม่สามารถใช้มาตรการการคลังเชิงรุกช่วยชดเชยและเยียวยาได้เหมือนกับประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ สิ่งที่เราควรทำระหว่างที่รอวัคซีนคือการหาจุดสมดุลของมาตรการทางเศรษฐกิจและสาธารณสุข” อมรเทพ กล่าว
สมประวิณ มันประเสริฐ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานวิจัยและหัวหน้าทีมวิจัยเศรษฐกิจ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า แม้ว่ายอดผู้ติดเชื้อรายวันของไทยจะเริ่มลดลง แต่ยอดการเสียชีวิตรายวันยังอยู่ในระดับสูง สะท้อนว่าระบบสาธารณสุขจะยังต้องเผชิญกับภาวะผู้ป่วยอาการรุนแรงล้นความจุต่อไป โดย ศูนย์วิจัยกรุงศรี ประเมินว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจของไทยจะยังฟื้นตัวได้ไม่มากนัก จนกว่ายอดผู้เสียชีวิตจะลดลงต่ำกว่า 200 คนต่อวัน ซึ่งเป็นระดับที่คนจะเริ่มมีความเชื่อมั่นต่อการควบคุมการแพร่ระบาด
