ในยุคที่อุตสาหกรรมทั่วทุกมุมโลกกำลังทุ่มความสำคัญไปยังการรักษาสิ่งแวดล้อม ‘พลังงานสะอาด’ จึงกลายเป็นสิ่งที่ถูกให้ความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ และ ‘ไฟฟ้า’ ก็กลายมาเป็นตัวหลักสำคัญของภาคอุตสาหกรรมทั่วโลก
จากอดีตจนถึงปัจจุบัน อัตราการขยายตัวของความต้องการการใช้ไฟฟ้าในประเทศไทยและทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากอุปสงค์ครัวเรือนและอุตสาหกรรมที่มีความต้องการเพิ่มขึ้น ประกอบกับอุปทานจากนโยบายสนับสนุนการลงทุนของภาครัฐ ตามแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้า แผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก อุตสาหกรรมไฟฟ้าจึงมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ
นี่คือภาพรวมของอุตสาหกรรมไฟฟ้าในระดับใหญ่ ที่สำหรับคนทั่วไปอย่างเราๆ ก็อาจจะคิดว่าเป็นเรื่องไกลตัว นึกถึงโรงงานไฟฟ้าขนาดใหญ่ กังหันลมที่เปลี่ยนลมเป็นพลังงาน หรือเขื่อนที่เปลี่ยนน้ำเป็นพลังงาน ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยมีความเกี่ยวข้องกับหลายคนมากนัก แต่เราไม่สามารถลืมได้เลยว่าทุกช่วงเวลาของคนส่วนใหญ่ล้วนอยู่กับพลังงานไฟฟ้า ตั้งแต่เด็กจนโต ตั้งแต่ตื่นจนหลับ หรือแม้กระทั่งเวลาเราเดินอยู่ตามทางเท้าริมถนน
หากยังนึกภาพความใกล้ตัวที่ว่านี้ไม่ออก อาจเคยเห็นข่าวเหตุการณ์หม้อแปลงที่อยู่ตามเสาไฟฟ้าเกิดระเบิด ที่ทำให้ไฟลามไปยังอาคารบ้านเรือนที่อยู่ใกล้ๆ ผ่านตามาบ้าง หรือประสบการณ์จริงเวลาได้ยินเสียงดังลั่น ก่อนจะรู้ว่าเสียงที่ว่านี้เกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรจนทำให้หม้อแปลงระเบิด
เพราะอุตสาหกรรมไฟฟ้าทั้งระดับใหญ่อย่างการไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โรงงานเอกชน หรือใครก็ตามที่มีเครื่องปั่นไฟฟ้า ต่างจำเป็นต้องมีการตรวจสอบให้แน่ใจว่ากระบวนการผลิตไฟฟ้าของตัวเองจะดำเนินไปอย่างราบรื่น ไม่มีการลัดวงจรจนเกิดเหตุหม้อแปลงระเบิดตามที่เคยเห็นกันบ่อยๆ เมื่อลงรายละเอียดไปยังสิ่งที่เกิดขึ้นก็จะพบว่าแกนหลักของเรื่องนี้คือ ‘หม้อแปลงไฟฟ้า’ รวมถึง ‘น้ำมัน’ ที่อยู่ในหม้อแปลงไฟฟ้า
ทำไมเราถึงต้องให้ความสำคัญกับ ‘หม้อแปลง’ และ ‘น้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้า’
สำหรับหลายคนที่อาจเพิ่งเริ่มอยากรู้ถึงกระบวนการผลิตไฟฟ้าให้มากขึ้น หรือเกิดความสงสัยต่อยอดจากประเด็นหม้อแปลงระเบิด อาจจะยังไม่แน่ใจว่าทำไมเราต้องพูดถึงหม้อแปลงไฟฟ้ากับน้ำมันที่อยู่ในนั้น?
คำตอบของเรื่องนี้คือ เพราะสองสิ่งนี้คือหัวใจสำคัญของการส่งต่อกระแสไฟฟ้าไปยังผู้ใช้ และหากมองข้ามไปก็จะส่งผลเสียตามมาภายหลังได้
แม้หม้อแปลงจะเป็นแค่ส่วนหนึ่งของกระบวนการ แต่คุณสมบัติหรือหน้าที่หลักๆ นับว่ามีความสำคัญไม่น้อย เพราะเป็นตัวส่งผ่านพลังงานจากวงจรไฟฟ้าไปยังอีกวงจรหนึ่ง โดยอาศัยหลักการของแม่เหล็กไฟฟ้า และสามารถเปลี่ยนแรงดันไฟฟ้า (Voltage) ให้เพิ่มขึ้นหรือลดลงได้
เมื่อหม้อแปลงไฟฟ้าตามโรงงาน อาคารบ้านเรือน หรือตามเสาไฟฟ้าริมถนน ถูกใช้งานจนทำให้ขดลวดเกิดความร้อน กระบวนการต่อไปคือการระบายความร้อนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ซึ่งการทำให้หม้อแปลงร้อนน้อยลงก็มีหลายวิธีด้วยกัน ทั้งการปล่อยความร้อนตามธรรมชาติ ไปจนถึงการระบายความร้อนด้วยการปั๊มน้ำมันให้เกิดการไหลเวียนเร็วขึ้น แต่ก็มีหลายครั้งที่หม้อแปลงไฟฟ้าไม่สามารถระบายความร้อนได้ทันจนเกิดการระเบิดได้
การระบายความร้อนด้วยน้ำมันเป็นวิธีที่ถูกใช้อย่างแพร่หลายมากที่สุด เพราะหน้าที่หลักของน้ำมันในหม้อแปลงไฟฟ้าคือการไม่นำไฟฟ้าและทนต่อความร้อนสูง ทำให้เกิดการระบายความร้อนได้เป็นอย่างดี แต่ถึงอย่างนั้น แม้หลายคนจะใช้น้ำมันหม้อแปลงอยู่แล้ว ก็ยังคงจำเป็นต้องดูเรื่องคุณภาพของน้ำมันที่อยู่ในหม้อแปลงไฟฟ้าว่ามีประสิทธิภาพมากพอหรือไม่
‘น้ำมันหม้อแปลง’ จึงเป็นหนึ่งสิ่งที่โรงงานไฟฟ้าจะต้องให้ความสำคัญและความสนใจมากพอสมควร เพราะน้ำมันที่ใช้ระบายความร้อนในหม้อแปลงจะต้องตรงตามข้อกำหนดหลายอย่าง ต้องมีความสะอาดสูงสุดในกลุ่มน้ำมันอุตสาหกรรม มีความบริสุทธิ์สูง ปราศจากสิ่งปนเปื้อน และทำหน้าที่เป็นฉนวน ไม่ก่อให้เกิดการนำไฟฟ้า ซึ่งเป็นคุณสมบัติหลักของน้ำมันหม้อแปลง
คุณสมบัติฉนวนกันไฟฟ้าที่ดี หมายถึงการป้องกันไม่ให้กระแสไฟฟ้ากระโดดจากขั้วลบไปยังขั้วบวก ป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร ที่เมื่อเทียบกับวิธีการใช้อากาศระบายความร้อนให้ขดลวดและแกนเหล็กหม้อแปลง น้ำมันหม้อแปลงจะมีความทนทานต่อแรงดันได้สูงกว่าหลายเท่า นอกจากนี้ ยังต้องช่วยยืดอายุการใช้งานของหม้อแปลงให้ได้มากที่สุดอีกด้วย
แล้วเราจะหาน้ำมันหม้อแปลงดีๆ ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่ควรจะเป็นได้จากไหน?
น้ำมันหม้อแปลงคุณภาพสูงของ PTT Lubricants
ในปัจจุบัน น้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้าถูกพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ตามยุคสมัย บางชนิดจะเพิ่มคุณสมบัติพิเศษอย่างเน้นเรื่องการเสื่อมสภาพยาก ต่ออายุการใช้งานให้นานขึ้น หรือเน้นเรื่องการป้องกันการกัดกร่อน ป้องกันสนิมภายในหม้อแปลง หรือบางสูตรก็ถูกออกแบบให้สามารถลดคราบสกปรกภายในหม้อแปลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขึ้นอยู่กับว่าผู้บริโภคแต่ละกลุ่มให้ความสนใจด้านไหนเป็นพิเศษ และต้องไม่ลืมหน้าที่หลักซึ่งเป็นหัวใจสำคัญคือการเป็นฉนวนกันไฟฟ้าที่ดี
PTT Lubricants โดยบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) ที่ดำเนินการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์หล่อลื่นมานานกว่า 30 ปี ก็มีน้ำมันหล่อลื่นอุตสาหกรรมในกลุ่มโรงไฟฟ้าที่รองรับการผลิตและกักเก็บไฟฟ้าทุกรูปแบบ และนับว่ามีความโดดเด่นสูงมากในตลาดเดียวกัน
เพราะน้ำมันหม้อแปลงทุกชนิดของ PTT Lubricants มีคุณภาพสูงตามมาตรฐานของคณะกรรมาธิการระหว่างประเทศว่าด้วยมาตรฐานอิเล็กทรอเทคนิกส์ (International Electrotechnical Commission: IEC) องค์กรอิสระที่มีวัตถุประสงค์หลักในการจัดทำและตรวจประเมินมาตรฐานด้านไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง ในระดับนานาชาติ
นอกจากคุณภาพที่ตรงตามมาตรฐานของ IEC น้ำมันหม้อแปลงของ PTT Lubricants ยังมีหลายชนิด เหมาะสำหรับการใช้งานในหม้อแปลงไฟฟ้าหลายประเภท ทั้งระดับโรงไฟฟ้า โรงงานอุตสาหกรรม หรือผู้ใช้ทั่วไป แบ่งเป็นสามประเภทหลัก ได้แก่ HIVOLT 99 MULTI, HIVOLT 99 PLUS และ HIVOLT PLUS
HIVOLT 99 MULTI เหมาะสำหรับหม้อแปลงไฟฟ้าทุกประเภท ผลิตจากน้ำมันพื้นฐานชนิดแนฟทานิกคุณภาพพิเศษ โดดเด่นเรื่องความเป็นฉนวนไฟฟ้าสูง และมีอัตราการระเหยต่ำทำให้ไม่สิ้นเปลืองน้ำมัน ช่วยกักเก็บก๊าซในหม้อแปลงไว้ในเนื้อน้ำมันได้ดี ส่งผลต่อการยืดอายุการใช้งานของหม้อแปลงไฟฟ้า
HIVOLT 99 PLUS เหมาะสำหรับหม้อแปลงไฟฟ้าทุกประเภทเช่นกัน เป็นสูตรผสมสารต้านทานการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชัน หรือที่เรียกว่า Inhibited Type มีความเป็นฉนวนไฟฟ้าสูง มีคุณสมบัติเด่นอย่างการช่วยกักเก็บก๊าซในหม้อแปลงไว้ในเนื้อน้ำมันได้ดี ไม่ทำปฏิกิริยากับสารเคลือบลวดทองแดงและส่วนประกอบอื่นๆ ทำให้มีอายุการใช้งานยาวนาน
HIVOLT PLUS เหมาะสำหรับหม้อแปลงไฟฟ้าทั่วไปรวมถึงสวิตช์เกียร์ ผลิตจากน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานคุณภาพพิเศษชนิดพาราฟินิก มีความเป็นฉนวนไฟฟ้าสูง มีความทนทานต่อการเกิดปฏิกิริยากับออกซิเจนได้ดีมาก ทำให้ยากต่อการเสื่อมสภาพ
จะเห็นได้ว่าคุณสมบัติหลักๆ ในน้ำมันหม้อแปลงทุกประเภทของ PTT Lubricants ชูเรื่องความเป็นฉนวนกันไฟฟ้าสูงเพื่อลดอัตราการเกิดไฟฟ้าลัดวงจร ทนความร้อน ทนต่อการใช้งาน ที่หากมีน้ำมันคุณภาพสูงอยู่ภายใน ก็จะยิ่งช่วยลดโอกาสหม้อแปลงระเบิดได้ดีขึ้น และทำให้เครื่องมือที่มีอยู่เพื่อการสร้างกระแสไฟฟ้าอยู่กับเราได้นานขึ้น
แม้ว่าเรื่องของหม้อแปลงหรือความสำคัญของการเลือกใช้น้ำมันหม้อแปลงในปัจจุบันจะยังค่อนข้างเฉพาะกลุ่ม ทว่า PTT Lubricants จะยังคงมุ่งหน้าต่อไปด้วยการใช้เทคโนโลยี กระบวนการทางความรู้ และความคิดสร้างสรรค์ พัฒนาคุณภาพของผลิตภัณฑ์กลุ่มน้ำมันหล่อลื่นรูปแบบต่างๆ ให้ดียิ่งขึ้นเรื่อยๆ
ในทางหนึ่งเพื่อตอบโจทย์การเติบโตของอุตสาหกรรมไฟฟ้าที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอยู่ตลอด แต่อีกทางก็เพื่อเดินตาม Green Trend ที่ทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภคทั่วโลกต่างหันมาให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม ผลักดันการใช้พลังงานสะอาดเพื่อทำให้โลกนี้ดีขึ้น