วันนี้ (21 มีนาคม) ธีระศักดิ์ รูปสุวรรณ ผู้ประสานงานเครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ เปิดเผยว่า ในวันนี้ทางเครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพและตัวแทนภาคีเครือข่ายต่างๆ อาทิ บัณรส บัวคลี่ ผู้แทนภาคีคนฮักเจียงใหม่, ชัชวาลย์ ทองดีเลิศ ผู้แทนกลุ่มสืบสานล้านนา และ ปลายอ้อ ทองสวัสดิ์ ผู้แทนสภาเมืองสีเขียว ร่วมแถลงข่าวขอความชัดเจนในการดำเนินการรับคืนพื้นที่ หลังจากที่ได้เคลื่อนไหวแสดงจุดยืน ขอคืนผืนป่าดอยสุเทพ ณ ข่วงประตูท่าแพ ตั้งแต่วันที่ 29 เมษายน 2561 โดยในเดือนสิงหาคม 2561 ได้มีมติ คณะกรรมการจังหวัดเชียงใหม่ สั่งรื้อบ้านป่าแหว่ง 45 หลัง และคอนโด 9 หลัง แต่ปัจจุบันก็ยังไม่มีการรับมอบพื้นที่ให้แล้วเสร็จ
หลังจากปี 2564 ที่ศาลได้ส่งเรื่องให้กรมบัญชีกลางและกรมธนารักษ์ แจ้งว่าสามารถมอบอาคารพร้อมครุภัณฑ์ในบ้านพักได้ แต่มาถึงปี 2565 กรมธนารักษ์ก็ไม่มีความคืบหน้าในการรื้อถอน แม้จะผ่านไปเป็นเวลากว่า 3 ปี 7 เดือน ล่าสุดยังไม่มีความคืบหน้าในการคืนพื้นที่บ้านพัก และตัวอาคารใดๆ ซึ่งกรมธนารักษ์แจ้งว่ายังไม่ได้รับคืนอาคารและพื้นที่ โดยอ้างว่าไม่มีกฎหมายรองรับในการรับมอบครุภัณฑ์ เช่น แอร์ ทีวี และเฟอร์นิเจอร์
ซึ่งการออกมาเรียกร้องครั้งนี้ ทางเครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ ต้องการเข้าไปฟื้นฟูพื้นที่และปลูกป่าในช่วงฤดูฝนที่จะถึงนี้ แต่ยังไม่สามารถดำเนินการได้เนื่องจากไม่มีการส่งมอบพื้นที่ อีกทั้งบริเวณด้านหน้ายังมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนา ไม่สามารถเข้า-ออกได้ เนื่องจากศาลอุทธรณ์ภาค 5 ไม่อนุญาตให้เข้าพื้นที่
ทั้งนี้ หากยังไม่มีความคืบหน้าหรือได้รับคำตอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในเรื่องของการส่งคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ บริเวณบ้านป่าแหว่งในเร็วๆ นี้ ทางเครือข่ายจะพิจารณาฟ้องร้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกแห่ง และจะมีการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ เพื่อเรียกร้องขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพอีกครั้ง ในวันที่ 29 เมษายน 2565 ซึ่งเป็นวันครบรอบ 4 ปี ที่ภาคประชาชนได้ร่วมกันเรียกร้องของคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพอีกครั้งอย่างแน่นอน
สำหรับ ‘บ้านป่าแหว่ง’ โครงการบ้านพักข้าราชการตุลาการ เป็นบ้านพักข้าราชการ 45 หลัง และคอนโด 9 หลัง ดำเนินการโดยสำนักงานศาลยุติธรรม ตั้งอยู่บนพื้นที่ประมาณ 147 ไร่ ในอำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ บริเวณเชิงเขา ในพื้นที่ของสำนักงานศาลอุทธรณ์ภาค 5 โดยทางเครือข่ายภาคประชาชนเคยแสดงจุดยืนเคลื่อนไหวขอคืนพื้นที่มาตั้งแต่ปลายเดือนเมษายน 2561
