เป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ส่งท้ายปีจาก Netflix ที่ผู้ชมหลายคนจับตารอ สำหรับ Rebel Moon ภาพยนตร์แอ็กชันไซไฟจากผู้กำกับมากวิสัยทัศน์ Zack Snyder ผู้อยู่เบื้องหลังผลงานเรื่องเยี่ยมอย่าง 300 (2006), Man of Steel (2013) และ Army of the Dead (2021) ที่คราวนี้เขาจะพาผู้ชมก้าวเข้าสู่สงครามอวกาศสุดยิ่งใหญ่ พร้อมแบ่งเนื้อหาของภาพยนตร์ออกเป็น 2 พาร์ตด้วยกัน ได้แก่ Rebel Moon – Part One: A Child of Fire ที่มีกำหนดเข้าฉายในวันที่ 22 ธันวาคมนี้ และ Rebel Moon – Part Two: The Scargiver ในวันที่ 19 เมษายน 2024
THE STANDARD POP ถือโอกาสชวนผู้ชมมาสำรวจเกร็ดน่าสนใจของภาพยนตร์เรื่อง Rebel Moon โปรเจกต์ในฝันของ Zack Snyder ที่เขาปลุกปั้นมาตั้งแต่สมัยยังเป็นนักศึกษาเรื่องนี้กัน
Zack Snyder จากผู้กำกับมิวสิกวิดีโอสู่ผู้กำกับภาพยนตร์ลายเซ็นชัด
Zack Snyder นับว่าเป็นอีกหนึ่งผู้กำกับภาพยนตร์ที่มีลายเซ็นอันโดดเด่น และมีผลงานอันเป็นที่จดจำของผู้ชมมากมายหลายเรื่อง แต่ก่อนที่เขาจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้กำกับที่มีฐานแฟนคลับอย่างเหนียวแน่น Zack Snyder เริ่มต้นอาชีพผู้กำกับจากการเป็นผู้กำกับมิวสิกวิดีโอและโฆษณา โดยได้ทำมิวสิกวิดีโอให้กับศิลปินอย่าง Lizzy Borden, ZZ Top และ Morrissey
กระทั่งปี 2004 Zack Snyder ก็กลายเป็นผู้กำกับหน้าใหม่ที่ทุกคนจับตามองอย่างรวดเร็ว หลังจากที่ Dawn of the Dead ผลงานการกำกับภาพยนตร์เรื่องแรกของเขาที่ดัดแปลงมาจากภาพยนตร์สยองขวัญสุดคลาสสิกในชื่อเดียวกันของ George A. Romero ออกฉายสู่สายตาผู้ชมในปี 2004 ซึ่งได้รับเสียงชื่นชมในแง่ของความโหด ลุ้นระทึก และต่อยอดจากเวอร์ชันต้นฉบับออกมาได้อย่างโดดเด่น (โดยผลงานเรื่องนี้ยังได้ James Gunn ผู้กำกับและหนึ่งในผู้บริหาร DC Studios ในปัจจุบันมารับหน้าที่เขียนบทอีกด้วย)
หลังจากนั้น Zack Snyder ก็เดินหน้าสร้างสรรค์ภาพยนตร์ตามมาอีกหลายเรื่อง ทั้ง 300 (2006) ภาพยนตร์แอ็กชันสุดโหดที่ดัดแปลงมาจากนิยายภาพของ Frank Miller, Watchmen (2009) อีกหนึ่งผลงานเรื่องเยี่ยมของ Zack Snyder ที่ดัดแปลงมาจาก DC คอมิกของสองนักเขียน Dave Gibbons และ Alan Moore, ภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่อง Legend of the Guardians: The Owls of Ga’Hoole (2010) ที่ดัดแปลงจากหนังสือนิยายยอดฮิตของ Kathryn Lasky, Sucker Punch (2011) ภาพยนตร์ออริจินัลเรื่องแรก
ไปจนถึงภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่จาก DC อย่าง Man of Steel (2013), Batman v Superman: Dawn of Justice (2016), Zack Snyder’s Justice League (2021) และ Army of the Dead (2021) โปรเจกต์ภาพยนตร์ที่ Zack Snyder ร่วมมือกับ Netflix ในการปลุกปั้นให้เป็นแฟรนไชส์ที่จะมีภาพยนตร์ ซีรีส์ และแอนิเมชันออกมาให้แฟนๆ ติดตามกันต่อในอนาคต
ซึ่งแม้ว่าผลงานการกำกับของ Zack Snyder หลายเรื่องนั้นจะได้เสียงตอบรับที่ดีและแย่สลับกันไปมาบ้างก็ตาม แต่ด้วยลายเซ็นในการกำกับอันโดดเด่น ทั้งงานภาพ วิชวลเอฟเฟกต์ ฉากสโลโมชัน และความหม่นมืดของเรื่องราวที่สอดแทรกอยู่ในทุกผลงานของเขา ก็ส่งให้ Zack Snyder กลายเป็นอีกหนึ่งผู้กำกับที่ผู้ชมตั้งตารอชมผลงานใหม่ของเขาอยู่เสมอ
เช่นเดียวกับ Rebel Moon ภาพยนตร์แอ็กชันไซไฟเรื่องล่าสุดของ Zack Snyder โปรเจกต์ในฝันที่ใช้เวลาร่วม 20 ปีกว่าที่จะเกิดขึ้นจริง
Rebel Moon โปรเจกต์ในฝันของ Zack Snyder ที่กลายเป็นจริง
จุดเริ่มต้นของ Rebel Moon ต้องย้อนกลับไปในช่วงยุค 1980 ที่ Zack Snyder ยังเป็นนักศึกษา เขาหลงใหลในภาพยนตร์ที่ว่าด้วยเรื่องราวการรวมทีมของกลุ่มตัวละครอันเดอร์ด็อกที่ต้องเผชิญหน้ากับภัยอันตรายที่เหนือกว่า ไม่ว่าจะเป็น Seven Samurai (1954) ภาพยนตร์ระดับตำนานของผู้กำกับ Akira Kurosawa, The Magnificent Seven (1960) ของผู้กำกับ John Sturges รวมถึง The Dirty Dozen (1967) ของผู้กำกับ Robert Aldrich
กระทั่งวันหนึ่ง Zack Snyder ได้รับมอบหมายให้นำเสนอโปรเจกต์ภาพยนตร์ของตัวเองในคลาสเรียน จึงเป็นจุดเริ่มต้นของไอเดียภาพยนตร์ที่ว่าด้วยเรื่องราวของกลุ่มตัวละครอันเดอร์ด็อกที่ต้องมาร่วมมือกันเพื่อทำภารกิจบางอย่างให้สำเร็จ โดยมีสงครามระดับจักรวาลเป็นฉากหลัง
แน่นอนว่าโปรเจกต์ดังกล่าวไม่ได้ถูกสร้างขึ้นในทันที แต่ Zack Snyder ก็ยังคงเก็บรักษาโปรเจกต์นี้ไว้ไปพร้อมกับเดินหน้าทำงานในฐานะผู้กำกับต่อไป กระทั่ง Zack Snyder ได้นำโปรเจกต์ไปเสนอกับ Lucasfilm สำหรับการนำไปต่อยอดเป็นภาพยนตร์เรื่องใหม่ของจักรวาล Star Wars แต่ภายหลังจากที่ Disney ได้เข้าซื้อกิจการของ Lucasfilm ในช่วงปี 2012 จึงทำให้โปรเจกต์นี้ต้องหยุดชะงักไป
กระทั่งช่วงปี 2021 เมื่อ Zack Snyder และ Deborah Snyder ภรรยาและโปรดิวเซอร์ของเขา ได้จับมือกับ Netflix ในการสร้างภาพยนตร์เรื่อง Army of the Dead Zack Snyder ก็ได้หยิบโปรเจกต์ภาพยนตร์สงครามอวกาศในสมัยเรียนขึ้นมาปัดฝุ่นอีกครั้ง โดยร่วมมือกับ Eric Newman อีกหนึ่งโปรดิวเซอร์จาก Army of the Dead มาร่วมพัฒนาโปรเจกต์ในชื่อ Rebel Moon ว่าด้วยเรื่องราวของกลุ่มกบฏกลุ่มเล็กๆ ที่ต้องร่วมมือกันเพื่อต่อกรกับการรุกรานของกองทัพจักรวรรดิผู้ชั่วร้าย โดยได้แรงบันดาลใจจากภาพยนตร์สุดคลาสสิกอย่าง Star Wars ของ George Lucas, Seven Samurai ของ Akira Kurosawa, ภาพยนตร์แอนิเมชันแนวไซไฟแฟนตาซีเรื่อง Heavy Metal (1981) ของผู้กำกับ Gerald Potterton และ Excalibur (1981) ของผู้กำกับ John Boorman
โดยในช่วงแรกเริ่มพวกเขาตั้งใจที่จะปลุกปั้นให้ Rebel Moon เป็นซีรีส์เรื่องใหม่ของ Netflix แต่ในระหว่างการพัฒนาโปรเจกต์ Zack Snyder และ Eric Newman ที่มองเห็นศักยภาพของเนื้อเรื่องว่าสามารถนำมาต่อยอดเป็นภาพยนตร์ได้ พวกเขาจึงตัดสินใจปรับเปลี่ยนให้ Rebel Moon กลายเป็นภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ พร้อมแบ่งเนื้อหาของบทภาพยนตร์ที่มีความยาวกว่า 200 หน้าออกเป็นสองพาร์ต โดยใช้ทุนสร้างรวมกันสูงถึง 165 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
และเช่นเดียวกับ Army of the Dead Zack Snyder ได้เตรียมวางแผนต่อยอดให้ Rebel Moon เป็นแฟรนไชส์ที่จะมีภาพยนตร์ภาคต่อ พอดแคสต์ นิยายภาพ และวิดีโอเกม รวมไปถึงภาพยนตร์ฉบับ Director Cut ที่จะปล่อยตามมาในอนาคต โดยภาพยนตร์ Rebel Moon จะแบ่งออกเป็นฉบับเรต PG-13 และฉบับ Director Cut ที่จะมีความยาวเพิ่มขึ้นถึง 1 ชั่วโมง และเป็นเรต R ที่จะมีภาพความรุนแรงมากกว่า
Rebel Moon – Part One: A Child of Fire ปฐมบทของสงครามจักรวาลฉบับ Zack Snyder
Rebel Moon – Part One: A Child of Fire จะพาผู้ชมไปติดตามเรื่องราวของ Kora (Sofia Boutella) หญิงสาวปริศนาที่อาศัยอยู่ร่วมกับชุมชนชาวนาบนดวงจันทร์ชื่อ Veldt กระทั่งวันหนึ่ง กองทัพจักรวรรดิ Motherworld ที่นำโดยพลเรือเอก Noble (Ed Skrein) ได้เดินทางมาถึง เนื่องจากทราบข่าวว่ามีชาวนาแอบขายพืชผลให้กับกลุ่มกบฏที่นำโดยตระกูล Bloodaxe
Kora ที่ทราบถึงความโหดร้ายของพวกจักรวรรดิ จึงต้องออกเดินทางรวบรวมพรรคพวกเพื่อปกป้องผู้คนใน Veldt จากน้ำมือกองทัพของจักรวรรดิ นำโดยชาวนาผู้อ่อนโยน Gunnar (Michiel Huisman), Kai (Charlie Hunnam) นักบินและมือปืนรับจ้าง, นายพล Titus (Djimon Hounsou) อดีตทหารมากฝีมือของจักรวรรดิ, Nemesis (Bae Doona) ปรมาจารย์นักดาบหญิง, Tarak (Staz Nair) เชลยผู้มีอดีตอันสูงศักดิ์ และ Milius (E. Duffy) นักสู้ฝ่ายต่อต้าน
ทีมงานเบื้องหลังและทัพนักแสดงมากฝีมือ
นอกจากที่ Zack Snyder จะรับหน้าที่ผู้กำกับและเขียนบทแล้ว เขายังรับหน้าที่เป็นผู้กำกับภาพด้วยตัวเอง พร้อมด้วย Shay Hatten จาก John Wick: Chapter 3 – Parabellum (2019) และ Kurt Johnstad จาก 300 มารับหน้าที่เขียนบทร่วม, Stephen Swain จาก Rogue One: A Star Wars Story (2016) และ Stefan Dechant จาก Avatar (2009) มารับหน้าที่ออกแบบงานสร้าง, Dody Dorn จาก Zack Snyder’s Justice League มารับหน้าที่ตัดต่อ และ Tom Holkenborg จาก Zack Snyder’s Justice League มารับหน้าที่ประพันธ์ดนตรีประกอบ
เสริมทัพด้วยทีมนักแสดงมากฝีมือที่จะพาผู้ชมก้าวเข้าสู่สงครามอวกาศสุดยิ่งใหญ่ นำโดย Sofia Boutella จาก Atomic Blonde (2017), Charlie Hunnam จาก Pacific Rim (2013), Michiel Huisman จาก Game of Thrones (2014), Ed Skrein จาก Deadpool (2016), Djimon Hounsou จาก Shazam! (2019), Bae Doona จาก Broker (2022), Staz Nair จาก Game of Thrones, Ray Fisher จาก Zack Snyder’s Justice League, Anthony Hopkins จาก The Silence of the Lambs (1991) และ E. Duffy
Rebel Moon – Part One: A Child of Fire มีกำหนดเข้าฉาย 22 ธันวาคมนี้ ทาง Netflix
รับชมตัวอย่างได้ที่:
ภาพ: Netflix
อ้างอิง:
- www.netflix.com/tudum/articles/rebel-moon-zack-snyder
- www.hollywoodreporter.com/movies/movie-features/zack-snyder-cut-rebel-moon-netflix-1235680491/
- https://ew.com/rebel-moon-zack-snyder-cover-story-8402489
- https://ew.com/rebel-moon-zack-snyder-directors-cuts-8403416
- https://movieweb.com/rebel-moon-movie-inspired-zack-snyders-sci-fi-epic/
- https://www.imdb.com/title/tt14998742/fullcredits?ref_=tt_cl_sm