×

สัมภาษณ์ Rebecca Ting ผู้ก่อตั้งแบรนด์ไลฟ์สไตล์ Beyond The Vines

03.10.2024
  • LOADING...
Rebecca Ting

หลายคนคงเห็นชื่อ Beyond The Vines แบรนด์ไลฟ์สไตล์สัญชาติสิงคโปร์ผ่านตากันมาบ้างในช่วงนี้ หลังจากที่พวกเขาเปิดแฟลกชิปสโตร์แห่งใหม่ที่เซ็นทรัลเวิลด์ พร้อมกับเสียงตอบรับที่มีแต่คนอยากได้ไอเท็มสุดไอคอนิกของแบรนด์นี้กันอย่างล้นหลาม

 

แต่เบื้องหลังการมาถึงไทยของแบรนด์นี้ก็เต็มไปด้วยความท้าทายและรายละเอียดมากมายเช่นกัน ซึ่ง THE STANDARD POP มีโอกาสบุกไปยังประเทศสิงคโปร์ และพูดคุยกับผู้ก่อตั้งแบรนด์อย่าง Rebecca Ting เกี่ยวกับเส้นทางของแบรนด์ จนได้มาขยายเปิดตัวร้านใหม่ที่ประเทศเรา ซึ่งคำตอบและวิสัยทัศน์ของเธอจะเป็นอย่างไรนั้น เราลองไปอ่านบทสัมภาษณ์กันเลย

 

 

ทำไมประเทศไทยถึงเป็นหมุดหมายที่ Beyond The Vines ตัดสินใจเลือกมาเปิดร้าน

 

Rebecca: ก่อนอื่นเลย กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่มีชีวิตชีวามาก ประชากรมีมากกว่าเมื่อเทียบกับสิงคโปร์ ฉันและทีมมาเที่ยวที่ไทยอยู่หลายครั้ง บางคนไปเยี่ยมชมร้านค้า บางคนไปพบกับคนรู้จัก บางคนไปพบสถานที่ต่างๆ ตามความสนใจของตัวเอง

 

ฉันตั้งคำถามกับตัวเองว่า ‘มันคืออะไรกันนะ?’ อะไรคือสิ่งที่ดึงดูดใจสำหรับกรุงเทพฯ เพราะมันมีบางอย่างที่ชัดเจน ที่นี่ทั้งผ่อนคลายและผู้คนเป็นอิสระมาก อะไรก็เกิดขึ้นได้หมด ในขณะเดียวกัน ลมหายใจของกรุงเทพฯ ก็งดงามสุดๆ พวกคุณมีอาหารริมทางที่อร่อยมาก รวมถึงสถานที่อันโดดเด่น วงการแฟชั่นของพวกคุณก็เข้าถึงกันได้ง่าย แถมยังอินกับ High Fashion ด้วย ฉันคิดว่าความเป็นไปของกรุงเทพฯ ทำให้เมืองนี้น่าตื่นเต้นและมีชีวิตชีวา ผู้คนก็เป็นมิตรมากเช่นกัน

 

กระเป๋ารุ่น Dumpling Bag สุดไอคอนิกของแบรนด์

 

ในยุคที่แบรนด์ไลฟ์สไตล์เริ่มมีโปรดักต์เหมือนๆ กัน อะไรที่ทำให้แบรนด์ของคุณแตกต่างไปจากแบรนด์อื่น

 

Rebecca: ฉันชอบมองและสร้างผลิตภัณฑ์จากมุมมองของการออกแบบ แม้กระทั่งก่อนออกแบบด้วยซ้ำ ฉันตั้งใจอย่างยิ่งว่าจะทำผลิตภัณฑ์อย่างไร มันเห็นได้ชัดเมื่อผู้ใช้เริ่มใช้ผลิตภัณฑ์บนชั้นวางของแบรนด์เรา ถ้าลองเอาไอเท็มของเราและผลิตภัณฑ์จากแบรนด์อื่นๆ มาวางรวมกันในครั้งเดียว สีของแบรนด์อาจจะสดใสขึ้นเล็กน้อย หรือไม่ก็อาจจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากขึ้นไปเลย

 

แต่ฉันคิดว่าเมื่อคุณเริ่มใช้ผลิตภัณฑ์ คุณจะรู้ว่าคุณภาพมันเป็นอย่างไร เหมือนกับความตั้งใจของพวกเรา ‘มันมีน้ำหนักแค่ไหนเมื่ออยู่บนร่างกาย?, จะแพ็กมันอย่างไรหลังจากใช้งาน?, ใช้มันอย่างไร?’ สิ่งเหล่านี้คือคุณสมบัติต่างๆ ของโปรดักต์ที่จะดูมีชีวิตชีวาขึ้นสำหรับผู้ใช้ ในตอนแรกฉันพยายามไม่มุ่งเน้นไปที่ผลิตภัณฑ์โดยตรง เพราะฉันคิดว่าเราเพิ่มมูลค่าให้กับแบรนด์ทั้งหมดได้มากกว่าแค่ไอเท็มเพียงอย่างเดียว ฉันต้องพิจารณาสร้างไอเท็มที่ดีและมีความสร้างสรรค์ ทำให้ผู้ใช้เริ่มเข้าใจในแบรนด์ของเราไปโดยธรรมชาติเอง

 

ร้าน Beyond The Vines ที่ Funan ประเทศสิงคโปร์

 

รู้สึกอย่างไรกับเส้นทางของแบรนด์ Beyond The Vines จากช็อปเล็กๆ ในประเทศที่เปิดผ่านช่องทางออนไลน์ สู่การขยายไปยังประเทศอื่นๆ

 

Rebecca: ฉันคิดว่าแบรนด์เติบโตขึ้นพร้อมกับทีมงาน ในเวลาเดียวกันกับที่เราเริ่มต้นแบรนด์ แม้ว่ามันจะเล็ก ทีมงานจะเล็ก แนวคิดอาจดูเล็กไปในตอนแรก แต่เมื่อเราเริ่ม มันก็เหมือนกับการหว่านเมล็ดพันธุ์ เมล็ดพันธุ์ที่หว่านเพื่อเป็นต้นถั่วงอก ก็เป็นเมล็ดพันธุ์เดียวกับที่หว่านเพื่อเป็นต้นมะพร้าวเลย เช่น เมล็ดพันธุ์ทั้งสองชนิดเมื่อหว่านลงไป พวกมันก็ดูเหมือนกันในสเต็ปแรก แต่เมื่อเติบโตขึ้นสัดส่วนนั้นก็จะแตกต่างกันมาก

 

ดังนั้น ฉันคิดว่าแม้ว่าเราจะเริ่มต้นด้วยอะไรที่เล็กมากๆ ด้วยทีมงานเล็กๆ แต่วิสัยทัศน์ ภารกิจ และความทะเยอทะยานของพวกเรานั้นยิ่งใหญ่มากกว่า เรารู้ว่าเราต้องการที่จะเติบโตเป็นแบรนด์ระดับโลก เป้าหมายนี้เป็นสิ่งต่อไปที่เราพยายามอยากทำให้ได้

 

 

Beyond The Vines เป็นแบรนด์ที่ขึ้นชื่อเรื่องดีไซน์และความสวยงาม ทั้งโปรดักต์รวมถึงการตกแต่งร้าน คุณมีแรงบันดาลใจอะไรในการสร้างสรรค์?

 

Rebecca: พ่อของฉันเป็นศิลปิน และยังได้รับการฝึกฝนทางด้านสถาปัตยกรรมมาด้วย ฉันเลยเติบโตมาในบ้านศิลปะ บ้านของเราเป็นเหมือนห้องทำงานของเขา มีหนังสือศิลปะอยู่ทุกที่ตลอดเวลา มีทั้งผ้าใบวาดภาพและความวุ่นวายเหมือนบ้านศิลปินทั่วไป เพราะเขาไม่สามารถทำอะไรอย่างอื่นในชีวิตได้อีกแล้ว ตอนนี้เขาค่อนข้างแก่ อายุประมาณ 70 กว่า และเขาเป็นศิลปินมาตลอดชีวิต

 

ดังนั้นฉันคิดว่าการเติบโตในสภาพแวดล้อมแบบนี้มีผลบางอย่าง ฉันได้รับอิทธิพลมาจากอุตสาหกรรมศิลปะมากมาย ได้รับอิทธิพลจากการต่อสู้ของผู้คน ปัญหาที่แท้จริงของศิลปินที่ต้องเผชิญยังสามารถเอามาสร้างสรรค์เป็นผลงานของพวกเขาได้ ฉันคิดว่าตัวเองเติบโตมาพร้อมกับสิ่งนั้น เข้าใจว่าสิ่งนั้นส่งผลต่อสิ่งที่พ่อเคยทำอย่างไร เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้ฉันเข้าใจเกี่ยวกับพฤติกรรมของมนุษย์ หรือสิ่งที่มนุษย์สร้างกระบวนการในการซื้อของ

 

พูดตามตรงแล้วมันเป็นเรื่องของการทำให้ตัวเองรู้สึกดีเกี่ยวกับการชื่นชมตัวเอง เป็นเรื่องของการอยากแสดงตัวตนในแบบใดแบบหนึ่ง ทุกอย่างเกี่ยวข้องกับธรรมชาติของมนุษย์ ดังนั้น ฉันคิดว่าการเข้าใจและชื่นชมอุตสาหกรรมศิลปะ วงการศิลปะ รวมถึงความเข้าใจว่ามนุษย์มีพฤติกรรมอย่างไร ทั้งหมดนี้เลยมีอิทธิพลอย่างมากต่อวิธีที่ฉันสร้างแบรนด์ เมื่อฉันสร้างแบรนด์ที่มีชีวิตชีวา สนุกสนาน และมีพลัง อย่างน้อยมันก็ถือว่าเป็นเรื่องราวดีๆ สำหรับสังคมยุคปัจจุบันนี้ที่เราอยู่กันในความมืดมนและหดหู่

 

 

เมื่อมองแบรนด์ในโซเชียลมีเดีย จะได้เห็นได้ว่ากลยุทธ์โปรโมตทางออนไลน์นั้นน่าสนใจและมีความทันสมัยมากๆ คุณมีวิธีการครีเอตอย่างไร

 

Rebecca: แรกเริ่มฉันประเมินว่าดูจากภายนอกแล้วน่าจะดูไม่ยุ่งยากเท่าไรนัก แต่จริงๆ แล้วฉันตั้งใจมาก พยายามทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ด้วยตัวเอง และให้อิสระกับทีมงานในการทำสิ่งที่พวกเขาทำ เพื่อให้ทุกคนสามารถแสดงออกในแบบของตัวเองว่าต้องการทำอะไร ฉันพยายามใส่ใจทุกอย่างโดยเฉพาะเสียงของทีมงาน

 

จากใน TikTok เมื่อดูๆ กันแล้วทีมงานของเราเหมือนกับจะเต็มไปด้วยมู้ดที่ดีใช่ไหมล่ะ บอกได้เลยว่าพวกเขาก็สนุกกับมันจริงๆ จนบางทีถึงกับหลุดบ้าๆ บอๆ ออกมาบ้าง จนบางครั้งเราต้องลดระดับลงหน่อย (หัวเราะ) พวกเราสนุกเหมือนคุณเลยละ โดยเฉพาะกับทีมการตลาดและการสื่อสาร พวกเขาอายุยังน้อย ซึ่งฉันคิดว่านั่นเป็นสิ่งที่ดี

 

และในส่วนของทีมแผนกข้อมูลหรือการเงินก็จะตรงกันข้าม พวกเขามีอายุมากกว่าทีมการตลาด แต่พวกเขาก็มีประสบการณ์มากขึ้น และสามารถจัดการเรื่องกลยุทธ์ให้ได้ ฉันคิดว่าทีมที่มีส่วนร่วมโดยตรงกับขอบเขตนั้นๆ จะต้องคอยปรับตัวไปตามลำดับ คุณจะไม่อยากฟังคนที่แก่กว่าบอกกับคุณว่า ‘ไอเท็มนี้คือชิ้นต่อไปนะ’ พวกเราต้องทำความเข้าใจธรรมชาติของมนุษย์อยู่เสมอ

 

ทีม Beyond The Vines ที่สิงคโปร์

 

บรรยากาศในการทำงานของคุณและทีมดูสนิทสนมกันมาก อยากให้เล่าถึงบรรยากาศสักหน่อย

 

Rebecca: พวกเขาทำงานกันหนักมากจริงๆ แต่ก็ชอบความสนุกสนานด้วย อัตราการรักษาพนักงานของเราให้อยู่กับเรานั้นสูงมาก บางคนอยู่กับเรามานาน อยู่กับเราตั้งแต่วันแรก ฉันคิดว่าวัฒนธรรมเป็นส่วนสำคัญในการสร้างแบรนด์ และ แดเนียล (สามี) เป็นคนดูแลเรื่องนั้น เพราะฉันคิดว่าเราใช้เวลาไปกับการทำงานเยอะมาก เป็นชั่วโมงแล้วชั่วโมงเล่า คุณต้องมีความสุขที่ได้ทำงาน คุณต้องสนุกกับเพื่อนร่วมงาน คุณต้องมีวิสัยทัศน์เดียวกันเพื่อสร้างแบรนด์ให้เติบโตไปด้วยกัน คุณต้องมีวิสัยทัศน์เดียวกันเพื่อต้องการทำสิ่งที่มีความสำคัญและสนุกในเวลาเดียวกัน

 

ดังนั้นส่วนนี้จึงสำคัญสำหรับเรามาก และจะไม่มองข้ามมันไป การสร้างวัฒนธรรมก็เป็นสิ่งที่ฉันตั้งใจทำในออฟฟิศ บางครั้งอาจจะมีตึงๆ บ้าง แต่เราก็พยายามขอให้บาลานซ์กันดีๆ เราพยายามไม่ทำให้คนห่างเหินจึงทำทัวร์สตูดิโออะไรทำนองนั้น ฉันบอกให้ทำแบบเป็นกันเองไปเลย เราทำกับนักเรียนออกแบบ กับทีมขายปลีกของเรา และกับลูกค้าระดับสูงสุดของเรา พวกเขามาและทัวร์สตูดิโอ เพราะอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับแบรนด์ และมีเบื้องหลังเป็นอย่างไร

 

ฉันคิดว่ามันช่วยสร้างความรักต่อแบรนด์ได้ เมื่อคนเห็นสิ่งที่อยู่หน้าร้าน ซึ่งทุกอย่างเหมือนกับสิ่งที่พวกเขาเห็นมาจากความเอ็กซ์คลูซีฟแบบ Behind the Scene ฉันคิดว่าทุกคนทำงานหนักมาก แต่ในเวลาเดียวกันเราก็สนุกไปกับมัน

 

 

ความท้าทายและวิธีพัฒนากลยุทธ์เรื่องร้านค้าที่จะมาเปิดในประเทศไทยคืออะไร

 

Rebecca: พูดตามตรงแล้วฉันคิดว่าภาษาของพวกคุณนั้นน่ารักมาก คนไทยใจดีและต้อนรับเสมอ แถมยังเป็นมิตร แม้แต่ตอนที่เราประชุมกันเพื่อจัดการเรื่ององค์กรและอื่นๆ พวกเขาก็ช่วยเหลือดีและเปิดกว้างมาก ซึ่งช่วยได้เยอะจริงๆ

 

แต่ความท้าทายที่ใหญ่ที่สุด ฉันรู้สึกว่าภาษาเป็นอุปสรรคใหญ่สำหรับฉัน แต่ฉันจะต้องหาทางออกให้ได้ อีกสิ่งหนึ่ง ฉันรู้สึกว่าต้องรักษาเอกลักษณ์ของแบรนด์เอาไว้ ขณะเดียวกันก็ต้องมีความสร้างสรรค์ ฉันคิดว่านั่นเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่สำหรับฉันเช่นกัน

 

ฉันต้องการที่จะเข้าสู่ตลาดประเทศไทย ไม่ใช่แค่รู้สึกว่าฉันแค่ขยายตลาดทันที มันไม่ควรเป็นแบบนั้น ฉันอยากบุกตลาดประเทศไทยเพื่อให้คนไทยรู้สึกว่า ‘ใช่เลย ชอบมาก’ ที่นี่มีการยกระดับอยู่เสมอ บางทีอาจทำให้พวกเราเติบโตขึ้นได้ เมื่อแบรนด์เติบโตจากสิงคโปร์ แล้วมาเติบโตที่กรุงเทพฯ คงจะมีสิ่งที่น่าตื่นเต้นรออยู่ ฉันคิดว่านี่คือสิ่งที่เรากำลังมุ่งหน้าสู่ตลาดประเทศไทย

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X