ส่งออกไทยเดือนมีนาคมพลิก ‘ติดลบ’ เกินคาดถึง 10.9% หลังขยายตัวต่อเนื่องมา 7 เดือนติด เหตุฐานสูง ท่ามกลางความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ในหลายพื้นที่ การดำเนินนโยบายทางการเงินอย่างเข้มงวดยาวนาน และสภาพอากาศแปรปรวน ด้านกระทรวงพาณิชย์มองบวก ไตรมาส 2 มีโอกาสพลิกบวกถึง 2%
วันนี้ (29 เมษายน) พูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกของไทยในเดือนมีนาคมมีมูลค่า 24,960.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หดตัว 10.9% ทำให้ตั้งแต่ต้นปี (YTD) การส่งออกไทยของปี 2567 หดตัว 0.2%
โดยปัจจัยที่ทำให้การส่งออกของไทยเดือนนี้หดตัวมาจาก
- ฐานการส่งออกที่สูงในเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้า ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่เผชิญความไม่แน่นอนและขยายตัวต่ำ จากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ในหลายพื้นที่
- การดำเนินนโยบายทางการเงินอย่างเข้มงวดยาวนาน ส่งผลต่อกำลังซื้อ ปัญหาหนี้สิน และการตัดสินใจลงทุนของภาคธุรกิจ
- สภาพอากาศแปรปรวน ทำให้อุปทานของสินค้าเกษตรออกสู่ตลาดล่าช้า
โดยสินค้าอุตสาหกรรมเกษตรหดตัว 9.9% สินค้าเกษตรขยายตัวเพียง 0.1% ขณะที่มูลค่าการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมหดตัว 12.3%YoY
อย่างไรก็ดี พูนพงษ์ชี้แจงว่า มูลค่าการส่งออกที่ 2.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ นับว่าใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยของมูลค่าการส่งออกย้อนหลัง 5 ปี (ซึ่งอยู่ที่ 21,848 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ดังนั้น ถือว่าส่งออกไทยในเดือนนี้ยังคงรักษาระดับไว้ได้
ขณะที่ดุลการค้าไตรมาสแรกของปี 2567 ขาดดุล 4,475.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 188,014 ล้านบาท
เปิดแนวโน้มและปัจจัยที่ต้องจับตา
สำหรับแนวโน้มการส่งออกระยะต่อไปในปี 2567 กระทรวงพาณิชย์คาดว่า การส่งออกของไทยในปี 2567 จะยังขยายตัวได้จากสินค้าเกษตรและอาหารที่ไทยมีความได้เปรียบในการแข่งขัน ท่ามกลางภาวะขาดแคลนอาหารทั่วโลก และภาวะสงครามในบางประเทศ ทำให้ความต้องการสินค้าอาหารยังอยู่ในระดับสูง
นอกจากนี้ ภาคการผลิตโลกยังคงทยอยฟื้นตัว ส่งผลบวกต่อการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ สมาร์ทโฟน และเครื่องใช้ไฟฟ้า
กระทรวงพาณิชย์ยังคาดการณ์ว่า ส่งออกไทยเดือนเมษายนยังน่าจะกลับมาเป็นบวก โดยไตรมาส 2 มีโอกาสพลิกบวกถึง 2%
ขณะที่ยังมีปัจจัยท้าทายจากปัญหาทางภูมิรัฐศาสตร์ที่อาจกระทบต่อต้นทุนค่าขนส่ง ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ได้ติดตามประเมินสถานการณ์เป็นระยะ และจะทำงานร่วมกับทูตพาณิชย์ในแต่ละประเทศ เพื่อหาแนวทางลดอุปสรรคในการส่งออกต่อไป
โดยกระทรวงพาณิชย์ยังคงเป้าส่งออกปีนี้ (Working Target) ไว้ที่ 1-2%