×

‘แรชฟอร์ด-มาร์กซิยาล-กรีนวูด’ ตรีศูลปีศาจแดงที่มาแรงแซงทุกโค้งตอนนี้

07.07.2020
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

  • สามประสานแดนหน้าอย่าง แรชฟอร์ด, มาร์กซิยาล และเจ้าหนูที่ถูกจับตามองมากที่สุดในเวลานี้อย่าง เมสัน กรีนวูด ที่หลังจบเกมล่าสุดที่ถล่มบอร์นมัธ 5-2 ทำให้พวกเขาทำประตูรวมในฤดูกาลนี้ไปแล้วในทุกรายการถึง 55 ประตู
  • กรีนวูดคือการค้นพบครั้งยิ่งใหญ่ของโซลชาร์ และเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ตัดสินใจปล่อยตัวโรเมลู ลูกากู และอเล็กซิส ซานเชซ ออกไปจากทีม
  • ทีมที่สามประสานเทพที่สุดในยุโรปคือบาเยิร์น มิวนิก ที่ยิงรวมกันถึง 83 ประตู โดยเป็นผลงานของโรเบิร์ต เลวานดอฟสกี 51 ประตู, แซร์จ นาบรี 20 ประตู และโธมัส มุลเลอร์อีก 12 ประตู

หนึ่งในปมที่ทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในช่วงครึ่งแรกของฤดูกาลนี้ประสบปัญหาอย่างหนัก คือการที่พวกเขาตัดสินใจพลาดในการปล่อยตัวโรเมลู ลูกากู ดาวยิงร่างยักษ์ออกไปให้กับอินเตอร์ มิลาน โดยไม่ทันได้หาตัวตายตัวแทนขึ้นมาทดแทน

 

ถึงแม้ลูกากูจะไม่สามารถเล่นได้สมความคาดหวัง และดูไม่เข้ากับระบบการเล่นของ โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ มากนัก แต่อย่างน้อยกับการที่มีกองหน้าที่พึ่งพาได้อยู่ในทีมนั้นเป็นเรื่องที่ดีกว่าการที่ฝากความหวังทุกอย่างเอาไว้กับกองหน้าที่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ตัวเองมากพออย่าง มาร์คัส แรชฟอร์ด และ อองโตนี มาร์กซิยาล ซึ่งดูแล้วไม่ใช่กองหน้าในแบบ ‘หมายเลข 9’ ทั้งคู่

 

อย่างไรก็ดี สถานการณ์ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไปในช่วงหลังเข้าสู่ปี 2020 เป็นต้นมา แน่นอนว่าการคว้าตัว บรูโน แฟร์นันด์ส มีส่วนสำคัญอย่างมากในการทำให้อดีตแชมป์ลีก 20 สมัยค่อยๆ คืนฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยม และสร้างความตื่นเต้นให้กับแฟนๆ

 

การยืมตัว โอเดียน อิกาโล จากเซี่ยงไฮ้ เสิ่นหัว ก่อนตลาดการซื้อขายจะปิดตัวลงก็เช่นกัน ถึงจะถูกมองว่าเป็นการเสริมทัพที่เต็มไปด้วยคำถาม แต่ฟอร์มของดาวยิงวัย 31 ปียังมีดีเหลือเฟือสำหรับการช่วยเป็นกำลังเสริมให้ยูไนเต็ดได้

 

แต่ที่กำลังกลายเป็นปรากฏการณ์ในเวลานี้คือฟอร์มการเล่นของสามประสานแดนหน้าอย่าง แรชฟอร์ด, มาร์กซิยาล และเจ้าหนูที่ถูกจับตามองมากที่สุดในเวลานี้อย่าง เมสัน กรีนวูด ที่หลังจบเกมล่าสุดที่ถล่มบอร์นมัธ 5-2 ทำให้พวกเขาทำประตูรวมในฤดูกาลนี้ไปแล้วในทุกรายการถึง 55 ประตู

 

ตัวเลขนั้นเหนือยิ่งกว่าสามประสาน ‘ซาลาห์-มาเน-เฟียร์มิโน’ ของ ‘หงส์แดง’ ลิเวอร์พูล ทีมแชมป์ด้วยซ้ำไป

 

สิ่งที่น่าสนใจคือพวกเขามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร?

 

โซลชาร์ใช้เวทียูโรปาลีก เจียระไนเพชรเม็ดงามคนใหม่ที่เขายอมรับว่า “ไม่เคยเห็นใครจบสกอร์ได้เก่งขนาดนี้มาก่อน”

 

โชคสามชั้นของโซลชาร์

อย่างที่บอกว่าเกมรุกเป็นจุดสลบของแมนฯ ยูไนเต็ดในช่วงหลายปีหลัง ตั้งแต่หมดยุคของเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน มาไม่ว่าจะผู้จัดการทีมคนไหนก็ไม่เคยทำให้ ‘ปีศาจแดง’ เล่นในแบบเดิมได้เลย

 

จุดเริ่มต้นของหายนะเกิดขึ้นในยุคของ ‘The Chosen One’ เดวิด มอยส์ ที่แม้จะได้รับการการันตีจากเฟอร์กี แต่คนที่ถูกเลือกคนนี้ไม่เคยทำให้แฟนบอลได้มีความสุขเลย เพราะแมนฯ ยูไนเต็ดเล่นได้อย่างจืดชืดมาก ขณะที่ หลุยส์ ฟาน ฮาล เป็นบอลปรัชญาที่เหมือนจะดีแต่ไม่ดีพอ

 

ผ่านมาถึง ‘The Special One’ อย่าง โชเซ มูรินโญ ด้วยสไตล์นั้นแตกต่างจากแนวทางที่แฟนบอลชื่นชอบอยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จนสุดท้ายทีมต้องหันมาหาทายาทของเฟอร์กีสายตรงอย่างโซลชาร์ ที่ให้คำมั่นว่าจะนำฟุตบอลแบบเดิมๆ กลับมา

 

แต่กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้กุนซือชาวนอร์เวย์เองก็แทบเอาตัวไม่รอดเหมือนกัน 

 

ปัญหาคือฟุตบอลของโซลชาร์ ไม่ใช่ฟุตบอลในแบบครองเกมรุกใส่คู่แข่งเต็มที่ แต่เป็นฟุตบอลเกมรับที่อาศัยการช่วงชิงจังหวะ ซึ่งสิ่งที่ดีคือการที่ทีมมีกองหน้าที่มีความเร็วเหมือนสายฟ้าฟาดอย่างแรชฟอร์ด และมาร์กซิยาลอยู่ในทีม

 

ในช่วงแรกที่ทีมทำผลงานกันได้ดี (จนทำให้โซลชาร์ได้ตำแหน่งผู้จัดการทีมถาวร!) เป็นเพราะทั้งสองกองหน้านั้นได้รับการสนับสนุนที่ดีจากปอล ป็อกบา ที่สามารถเปิดบอลให้อย่างแม่นยำได้ในแบบ ‘เซนส์ทันกัน’

 

เพียงแต่เมื่อป็อกบาบาดเจ็บ​ (ทั้งเจ็บจริงและเจ็บการเมือง) ทำให้กองหน้าไม่ได้รับการสนับสนุนที่ดีพอ สุดท้ายจึงเกิดอาการปืนฝืดเป็นพักๆ ไม่สามารถทำผลงานที่ดีต่อเนื่องได้

 

อย่างไรก็ดี โซลชาร์ได้ค้นพบเพชรเม็ดงามในทีมอย่าง เมสัน กรีนวูด ไอ้หนูวัย 18 ปีที่เป็นที่เลื่องลือในโรงละครแห่งความฝันว่าเป็นดาวรุ่งฝีเท้าฉกาจที่หาตัวจับได้ยาก

 

ความพิเศษของกรีนวูดคือการที่สามารถเล่นได้สองเท้า และคนที่มีความสามารถในการจบสกอร์ได้อย่างเฉียบขาดเป็นพิเศษ

 

หากจะนับเฉพาะเซนส์การสังหารประตูแล้ว คนก่อนหน้ากรีนวูดที่จบสกอร์ได้ทุกรูปแบบทั้งหนัก ทั้งทาง ทั้งเหนือชั้นแบบนี้อาจต้องย้อนไปไกลถึงร็อบบี ฟาวเลอร์ และที่เหนือกว่า ‘ก็อด’ ของลิเวอร์พูลคือการที่เขาจบสกอร์ได้ทั้งสองเท้าแบบดีเท่าๆ กัน

 

ประตูแรกของกรีนวูดในเกมยูโรปาลีกกับแอสตานาเมื่อเดือนกันยายน ทำให้โซลชาร์ ยอมรับว่าเป็นจุดที่ทำให้ตัดสินใจปล่อยตัวลูกากู และอเล็กซิส ซานเชซ ให้กับอินเตอร์ มิลาน

 

เพียงแต่โซลชาร์ก็ไม่ได้เร่งร้อนอะไรกับดาวยิงวัยรุ่นคนนี้ โดยให้โอกาสลงสนามสัมผัสเกมเรื่อยๆ เน้นในรายการยูโรปาลีกเป็นหลัก ซึ่งเขาทำผลงานได้เยี่ยมยิงไป 5 ประตูจากการเล่น 7 นัด เป็นรองดาวซัลโวรายการนี้ 

 

ด้วยพรสวรรค์และกระดูกที่เริ่มแข็งขึ้น ทำให้โซลชาร์เริ่มส่งลงตัวจริงในพรีเมียร์ลีกช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นช่วงที่แรชฟอร์ดบาดเจ็บหนัก และทีมมีปัญหาขาดแคลนผู้เล่นในแนวรุก

 

โชคดีสำหรับยูไนเต็ดที่พวกเขาได้ บรูโน แฟร์นันด์ส มาจากสปอร์ติง ลิสบอน ที่ปรับตัวเข้ากับทีมได้อย่างมหัศจรรย์ และเป็นหัวใจสำคัญในการทำให้ทีมทั้งทีมกลับมาเล่นได้อย่างลงตัวชนิดที่ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน

 

แนวรุกของทีมที่มีปัญหาก็ค่อยๆ คลี่คลายลงไป ก่อนที่โซลชาร์จะได้โชคดีเล็กๆ เมื่อเกิดสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 เกมฟุตบอลต้องพักการแข่ง 3 เดือน ทำให้แรชฟอร์ดที่บาดเจ็บหนักสามารถกลับมาได้อีกครั้ง

 

รวมกับการกลับมาของป็อกบา ทำให้แมนฯ ยูไนเต็ดมีความพร้อมในแนวรุกแบบที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน และทั้งสามกองหน้ารุ่นใหม่ต่างก็ปรับจูนการเล่นเข้ากันได้อย่างเหลือเชื่อ

 

คำถามเรื่อง ‘ตัวเป้า’ ที่หาคำตอบกันไม่เจอมานานก็เป็นมาร์กซิยาล ในฐานะที่อายุมากที่สุดยึดไปครอง โดยที่แรชฟอร์ดขยับไปยืนทางซ้ายซึ่งมีพื้นที่และเวลามากกว่า ส่วนกรีนวูดเบียดแดเนียล เจมส์ ปีกจรวดที่เร็วจัดแต่ขาดประสิทธิภาพในบอลสุดท้ายขึ้นมาด้วยชั้นเชิงและประสิทธิภาพที่เหนือกว่า

 

ขณะที่หากมองในเรื่องของสถิติแล้ว สามประสานถือว่าน่าจับตามองอย่างมาก

 

โดยแรชฟอร์ดในฤดูกาลนี้เติบโตขึ้นไปอีกขั้น ในฤดูกาลนี้ทำไปแล้ว 20 ประตู ซึ่งเกิดจากโอกาส 113 ครั้ง (จนถึงเกมกับบอร์นมัธ) ดีกว่าในฤดูกาลที่แล้วที่ยิงได้เพียง 13 ประตูจากโอกาส 122 ครั้ง

 

ขณะที่มาร์กซิยาลทำได้ 20 ประตูเช่นกัน จากโอกาส 91 ครั้ง ดีกว่าเมื่อปีกลายที่ทำได้ 12 ประตูจากโอกาส 57 ครั้ง

 

ส่วนกรีนวูดทุกรายการยิงไปแล้ว 15 ประตู ถ้านับเฉพาะพรีเมียร์ลีกยิงไป 8 ประตู เฉลี่ยแล้วจะยิงได้ 1 ประตูในทุก 115 นาที ซึ่งสถิติประตูรวมของผู้เล่นในวัยก่อน 19 ปีมีเพียง ไมเคิล โอเวน, ร็อบบี ฟาวเลอร์ และเวย์น รูนีย์ สามกองหน้าระดับตำนานของทีมชาติอังกฤษเท่านั้นที่ทำได้มากกว่า แต่อย่าลืมว่าไอ้หนูปีศาจแดงยังมีเวลาอีกหลายนัดกว่าจะจบฤดูกาล!

 

การค้นพบนี้จึงเป็นเหมือนการถูกรางวัลโชคสามชั้นของโซลชาร์ ซึ่งสมควรได้รับเครดิตจากการทำให้ทั้งสามเล่นร่วมกัน

 

 

สามประสานหงส์แดงก็สู้ไม่ได้ในเรื่องจำนวนประตูรวมจนถึงตอนนี้

 

ตรีศูลรุ่นใหม่อยู่ตรงไหนในวงการ?

 

อย่างที่บอกไปข้างต้นว่าผลงานยิงประตูรวมของแรชฟอร์ด-มาร์กซิยาล-กรีนวูด นั้นดีกว่าสามประสานของลิเวอร์พูลไปเรียบร้อยแล้ว

 

แต่ถ้าเทียบกับสามประสานของทีมระดับท็อปอื่นๆ ในยุโรปเล่า?

 

ทีมที่สามประสานเทพที่สุดคือบาเยิร์น มิวนิก ที่ยิงรวมกันถึง 83 ประตู โดยเป็นผลงานของโรเบิร์ต เลวานดอฟสกี 51 ประตู, แซร์จ นาบรี 20 ประตู และโธมัส มุลเลอร์ อีก 12 ประตู

 

ขณะที่ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ยิงไป 68 ประตู เป็นผลงานของคีเลียน เอ็มบัปเป 30 ประตู, เมาโร อิคาร์ดี 20 ประตู และเนย์มาร์ อีก 18 ประตู

 

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ก็ไม่เบา สามประสานแดนหน้าทำไป 64 ประตู แม้ว่าจะไม่ค่อยได้เล่นร่วมกันเลยก็ตาม โดยเซร์คิโอ ‘กุน’ อเกวโร และราฮีม สเตอร์ลิง ทำไป 23 ประตูเท่ากันในฤดูกาลนี้ รองลงมาคือ กาเบรียล เฆซุส ที่ทำไป 18 ประตู 

 

ทีมไฟแรงของบุนเดสลีกาอย่างแอร์เบ ไลป์ซิก ก็ไม่เบา โดยสามประสานของพวกเขาทำไป 60 ประตู โดยติโม แวร์เนอร์ ว่าที่กองหน้าใหม่เชลซียิงไป 34 ประตู, 16 ประตูของมาร์เซล ซาบิตเซอร์ และอีก 10 ประตูของเอมิล ฟอร์สเบิร์ก

 

ต่อด้วยสามประสานที่น่าจะแพงที่สุดในโลกอย่าง ลิโอเนล เมสซี, หลุยส์ ซัวเรซ และ อองตวน กรีซมันน์ ของบาร์เซโลนา ที่ทำไป 57 ประตู โดยยิงได้ 27 16 และ 14 ตามลำดับ

 

แต่อย่างน้อย 55 ประตูของสามประสานยูไนเต็ดก็เท่ากับสามเทพยูเวนตุส คริสเตียโน โรนัลโด (29), เปาโล ดีบาลา (17) และกอนซาโล อิกวาอิน (9) และเหนือกว่าโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ (จาดอน ซานโช, เออร์ลิง เบราต์ ฮาลันด์ และ มาร์โก รอยส์) 

 

ส่วนในประวัติศาสตร์ของแมนฯ ยูไนเต็ดเองแม้จะไม่ได้เล่นในระบบสามประสานเป๊ะๆ แบบนี้ แต่หากจะคิดสถิติแล้วทีมชุด ‘เทรเบิลแชมป์’ ในฤดูกาล 1998-99 ก็เคยทำได้ถึง 71 ประตู โดย ดไวท์​ ยอร์ค ทำได้ 29 ประตู, แอนดี โคล 24 ประตู และโซลชาร์ในสมัยเป็นผู้เล่นก็ทำได้ถึง 18 ประตู โดยประตูสุดท้ายของเขาในฤดูกาลนั้นคือประตูสำคัญที่สุดในชีวิตการเล่น

 

ยังมีอีกสองฤดูกาลที่ยิงได้มากกว่านั้นอีก! คือในปี 2002-23 ที่ รุด ฟาน นิสเตลรอย (44), พอล สโคลส์ (20) และโซลชาร์ (15) ซึ่งยิงรวมกันได้ถึง 79 ประตู เท่ากับในฤดูกาล 2008-09 ที่ได้ครองถ้วยแชมเปียนส์ลีกปีนั้น โรนัลโดยิงไป 42 ประตู​ (เป็นจุดเริ่มต้นการเป็นยอดมนุษย์ของ CR7), คาร์ลอส เตเวซ อีก 19 ประตู และ เวย์น รูนีย์ อีก 18 ประตู

 

ดังนั้น ถึงช่วงนี้จะดูสุดยอดแล้ว แต่สามประสานรุ่นใหม่ของปีศาจแดงอย่าง แรชฟอร์ด-มาร์กซิยาล-กรีนวูด ยังอายุน้อยมากเพียง 22, 24 และ 18 ปีตามลำดับ

 

เส้นทางของพวกเขายังอีกไกล มีอะไรต้องฝ่าฟันอีกมาก รวมถึงการยืนระยะให้ได้ในเกมฟุตบอลสมัยใหม่ที่ยากและสิ่งต่างๆ เปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว

 

แต่ถ้าถามว่าน่าตื่นเต้นไหม

 

บอกเลยว่านี่เป็นปรากฏการณ์ที่แฟนบอลคู่แข่ง (โดยเฉพาะบางทีมที่เพิ่งได้แชมป์) เริ่มระแวง! 

 

 

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

อ้างอิง:

FYI
  • ใน 16 นัดหลังสุดแมนฯ ยูไนเต็ด ยิงได้ 5 ประตูหรือมากกว่าถึง 4 เกมด้วยกัน มากกว่า 357 เกมก่อนหน้านี้ที่ทำได้แค่ 3 ครั้งหลังเฟอร์กีประกาศวางมือ
  • กรีนวูด จะอายุครบ 19 ปีในวันที่ 1 ตุลาคม แต่ตอนนี้ยิงได้เท่ากับแรชฟอร์ดตอนอายุ 19 ปีแล้ว
  • ในพรีเมียร์ลีก แมนฯ ยูไนเต็ดยิงประตูไป 56 ลูก โดยที่เป็นผลงานของสามประสานถึง 38 ลูก (แรชฟอร์ด 15, มาร์กซิยาล 15, กรีนวูด 8)
  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising