สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวที่ศูนย์การประชุมกัวลาลัมเปอร์วันนี้ (26 ตุลาคม) ถึงการลงนามในเอกสารถ้อยแถลงผลการหารือระหว่างนายกรัฐมนตรีไทยและกัมพูชาว่า ถือเป็นสัญญาณที่ดีที่กัมพูชามีการแสดงความจริงใจที่จะแก้ปัญหาความขัดแย้งและลดความตึงเครียดจนนำมาสู่การลงนามในวันนี้ นอกจากนี้รัฐมนตรียังเผยรายละเอียดเกี่ยวกับแถลงการณ์ร่วมด้านการเจรจาการค้า และบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านแรร์เอิร์ธที่ไทยทำกับสหรัฐฯ ด้วย
รัฐมนตรีกล่าวว่า กัมพูชาจะเริ่มดำเนินการตามเงื่อนไขของข้อตกลงตามที่ไทยให้ความสำคัญ เช่น เรื่องการถอนอาวุธหนักออกจากชายแดน การเก็บกู้ทุ่นระเบิด และการจัดระเบียบชายแดน ส่วนฝ่ายไทยจะเริ่มกระบวนการปล่อยตัวเชลยศึก 18 นาย ซึ่งมีขั้นตอนและใช้เวลา
ขณะเดียวกันรัฐมนตรีต่างประเทศย้ำว่า กัมพูชาต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขในถ้อยแถลงร่วมนี้อย่างต่อเนื่องเพื่อที่จะนำไปสู่สันติภาพได้อย่างแท้จริง
ส่วนประเด็นคำเรียกข้อตกลงที่ไทยใช้คำว่า ‘ถ้อยแถลงผลการพบหารือระหว่างนายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรไทยและนายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรกัมพูชา ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย’ ส่วนทรัมป์และมาเลเซียเรียกว่า ‘ข้อตกลงสันติภาพกัวลาลัมเปอร์’ (Kuala Lumpur Peace Accord) นั้น รัฐมนตรีตอบว่า ไทยมองถ้อยแถลงร่วมฉบับนี้ว่าเป็น ‘แนวทางไปสู่สันติภาพ’
ผู้สื่อข่าว THE STANDARD ได้ถามถึงรายละเอียดเกี่ยวกับบันทึกความเข้าใจ หรือ MOU ว่าด้วยความร่วมมือด้านแร่ธาตุสำคัญที่สหรัฐฯ ทำกับไทย ซึ่งนายกฯ ได้ประกาศในระหว่างพิธีลงนามด้วย รัฐมนตรีอธิบายเพิ่มเติมว่า MOU นี้ มีชื่อเต็มคือ ‘บันทึกความเข้าใจเรื่องความร่วมมือในการพัฒนาความหลากหลายของห่วงโซ่อุปทานของแร่ธาตุที่มีความสำคัญในระดับโลก และการส่งเสริมการลงทุน’
ซึ่งสีหศักดิ์ระบุว่า MOU นี้ ไม่มีข้อผูกมัดทางกฎหมายใดๆ โดยไทยจะได้ประโยชน์คือ การเข้าไปอยู่ในซัพพลายเชนเซมิคอนดักเตอร์ระดับโลก และไทยกับสหรัฐฯ จะได้แลกเปลี่ยนข้อมูล ซึ่งไทยจะได้องค์ความรู้และการถ่ายทอดเทคโนโลยีในเรื่องแร่ธาตุสำคัญจากสหรัฐฯ ด้วย นอกจากนี้บันทึกความเข้าใจดังกล่าวจะช่วยส่งเสริมให้เกิดการลงทุนในไทยด้วย
นอกจาก MOU ดังกล่าวแล้ว ไทยกับสหรัฐฯ ยังมีการประกาศแถลงการณ์ร่วมว่าด้วยกรอบความตกลงการค้าต่างตอบแทนระหว่างสหรัฐอเมริกากับประเทศไทย (Joint Statement on a Framework for a United States – Thailand Agreement on Reciprocal Trade) ซึ่งจะเป็นกรอบการเจรจาเพิ่มเติมกับสหรัฐฯ เพื่อลดอุปสรรคทางการค้าและกำแพงภาษีระหว่างกัน อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดของแถลงการณ์ร่วมนี้
ภาพ: กระทรวงการต่างประเทศ


