รังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ THE STANDARD ชี้แจงกรณีที่กระทรวงการต่างประเทศเมียนมาส่งหนังสือถึงกระทรวงการต่างประเทศของไทย แสดงความไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งที่รัฐสภาไทยจัดงานสัมมนา ‘3 ปีหลังรัฐประหาร : สู่ประชาธิปไตยในเมียนมา และผลกระทบต่อความมั่นคงชายแดนไทย’ (3 Years After the Coup, Towards a Democratic Myanmar and its Impact on Security Along the Thai Border) ระหว่างวันที่ 2-3 มีนาคม 2024
โดยงานนี้จัดขึ้นภายใต้ความร่วมมือระหว่างคณะกรรมาธิการความมั่นคงฯ พร้อมด้วยองค์กรภาคีเครือข่ายทั้งไทยและต่างประเทศ โดยมีผู้เข้าร่วมการประชุมจากหลากหลายภาคส่วนกว่า 200 คน รวมทั้งหน่วยงานด้านการระหว่างประเทศ ภาคประชาสังคม นักวิชาการ ผู้แทนองค์กรระหว่างประเทศ ตลอดจนบุคคลสำคัญอย่าง จอ โม ตุน ผู้แทนถาวรเมียนมาประจำสหประชาชาติ และ ซีน มา อ่อง รัฐมนตรีการต่างประเทศในรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ (NUG) หรือรัฐบาลเงาเมียนมา ที่เข้าร่วมงานผ่านระบบวิดีโอลิงก์
รังสิมันต์ชี้แจงที่มาในการจัดงานนี้ เนื่องจากสถานการณ์ความขัดแย้งในเมียนมาที่กระทบต่อไทยโดยตรง และในฐานะคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ เขาพยายามที่จะให้มีเวทีรับฟังข้อมูลอย่างรอบด้าน เพื่อให้การตัดสินใจหลังจากนี้เป็นการตัดสินใจบนพื้นฐานของข้อมูลที่ถูกต้องจริงๆ และยืนยันว่า งานนี้ไม่ได้มีการไลฟ์หรือถ่ายทอดสดไปสู่สาธารณะ เนื่องจากเข้าใจถึงความละเอียดอ่อน
สำหรับการเตรียมงานมีขึ้นนานกว่า 2 เดือน โดยรังสิมันต์ยืนยันว่า ได้มีการประสานไปยังหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในการดูแลด้านความมั่นคงชายแดนและความสัมพันธ์ระหว่างไทยและเมียนมา ซึ่งรวมถึงกระทรวงการต่างประเทศและกองทัพ ก่อนที่จะมีการจัดงาน
“เราได้เชิญหน่วยงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงการต่างประเทศ กองทัพบก กองทัพไทย และอีกหลายหน่วยงาน เพื่อที่ว่าพวกเขาที่เกี่ยวข้องกับการปกป้องชายแดนไทย ทำหน้าที่บริหารจัดการความสัมพันธ์ระหว่างไทยและเมียนมาสามารถที่จะรับรู้ข้อมูลได้อย่างถูกต้อง” รังสิมันต์กล่าว
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้เพียง 1 วัน ยังปรากฏรายชื่อ ปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่จะเข้าร่วมกล่าวคำปราศรัยเปิดงานในวันนี้ แต่ท้ายที่สุดกลับมีการเปลี่ยนแปลงเป็น ปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 กล่าวเปิดงานแทน
โดยรังสิมันต์กล่าวว่า การที่กระทรวงการต่างประเทศไม่ได้เข้าร่วมงานนี้เป็นเรื่องที่ ‘น่าเสียดายและน่าผิดหวัง’
“ผมทราบมาว่าทางกระทรวงการต่างประเทศสุดท้ายก็ไม่เข้าร่วมงานนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายและเป็นเรื่องที่น่าผิดหวัง เพราะนั่นหมายความว่า โอกาสที่เราจะได้รับรู้ข้อมูลอย่างรอบด้านนั้นทางกระทรวงการต่างประเทศจะไม่มี”
รังสิมันต์ยังเผยด้วยว่า “หลังจากนี้ต้องมีการส่งรายงานประมวลผลที่ได้จากเวทีสัมมนาในครั้งนี้ส่งไปให้หน่วยงานต่างๆ ได้รับรู้ พร้อมกับคำแนะนำของกรรมาธิการฯ” พร้อมยืนยันว่า เป็นการทำหน้าที่เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ และไม่ได้ต้องการแทรกแซงกิจการของประเทศอื่น
“การที่สถานการณ์ในเมียนมาเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ มันส่งผลกระทบต่อประเทศไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สิ่งที่เรากำลังทำคือ เราต้องการจัดการกับสิ่งที่เกิดขึ้นและส่งผลกระทบต่อไทย แน่นอนว่าจุดยืนของผมคือ อยากเห็นสันติภาพในเมียนมา อยากเห็นชาวเมียนมาไม่ต้องหนีไปอยู่ประเทศไหน และไม่ต้องหนีมาอยู่ไทย ถ้าเขาหนีมาเรื่อยๆ มันก็จะส่งผลให้เกิดปัญหาต่อไทยเช่นเดียวกัน”
