วันนี้ (22 ตุลาคม) ที่ มหาวิทยาลัยรามคำแหง วุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ รักษาการอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง แถลงถึงกรณีที่เกิดเหตุการณ์ความรุนแรงขึ้นภายในมหาวิทยาลัยระหว่างการชุมนุมเมื่อวานนี้ว่า รู้สึกเสียใจในสิ่งที่เกิดขึ้น และเป็นห่วงสวัสดิภาพนักศึกษาทุกคน ไม่ว่าบุคคลเหล่านั้นจะมีความคิดใดก็ตาม โดยทั้งสองกลุ่มไม่ได้ขออนุญาตในการใช้พื้นที่ แต่เป็นการนัดหมายผ่านทางโซเชียลมีเดีย ซึ่งตนเองเป็นตัวแทนของมหาวิทยาลัยไปเจรจากับกลุ่มปกป้องสถาบันที่จัดกิจกรรมอยู่บริเวณลานพ่อขุนว่า หากจัดกิจกรรมเสร็จให้ออกจากพื้นที่ เกรงว่าจะเกิดการเผชิญหน้ากัน
ขณะเดียวกันก็ได้พูดคุยกับกลุ่มเครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย ให้ย้ายสถานที่จัดกิจกรรมที่จากเดิมมีกำหนดใช้สถานที่ลานพ่อขุนเหมือนกัน ซึ่งกลุ่มรามคำแหงประชาธิปไตยก็ให้ความร่วมมือ มีการย้ายสถานที่จัดกิจกรรมไปที่หน้าตึกสำนักงานอธิการบดี นอกจากนี้ ตนยังได้ประสานไปยังสถานีตำรวจนครบาลหัวหมาก จัดกำลังดูแลความปลอดภัยด้วย
แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงขึ้น จึงขอแสดงจุดยืนดังนี้
- มหาวิทยาลัยรามคำแหงไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรงในการแสดงออกทางการเมือง และขอตำหนิบุคคลดังกล่าว
- จุดยืนมหาวิทยาลัยเป็นมหาวิทยาลัยของประชาชน ไม่ปิดกั้นในการแสดงออกของนักศึกษา
- ขอให้ทุกฝ่ายยึดมั่นในหลักสันติวิธี และเรียกร้องให้ทุกฝ่ายเคารพและจัดกิจกรรมภายใต้กรอบของกฎหมาย
- มหาวิทยาลัยพร้อมให้การช่วยเหลือด้านกฎหมายแก่ผู้ได้รับบาดเจ็บ
- มหาวิทยาลัยจะแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนเรื่องที่เกิดขึ้น หากพบว่ามีบุคลากรเกี่ยวข้องกับความรุนแรง จะดำเนินการทางวินัยอย่างเคร่งครัด
- มหาวิทยาลัยรามคำแหง มีความห่วงใยในสถานการณ์บ้านเมืองที่เกิดขึ้น และขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายมีความอดกลั้น ยึดมั่นในหลักสันติวิธี เคารพซึ่งกันและกันในความคิดเห็นที่แตกต่างของประชาชน
ส่วนในเรื่องกรอบเวลาดำเนินการ จะทำให้เร็วที่สุด หากใครมีหลักฐานขอให้ส่งให้ทางมหาวิทยาลัย ทั้งนี้ขอแสดงความเป็นห่วงผู้บาดเจ็บทุกคน หากทราบว่ารักษาตัวอยู่ที่ใด ทางมหาวิทยาลัยจะส่งคนไปเยี่ยม
อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่ามหาวิทยาลัยไม่ได้ปล่อยให้มีความรุนแรงในมหาวิทยาลัย เนื่องจากมีการพูดคุยกับทั้งสองฝ่ายก่อนเริ่มกิจกรรม และทั้งสองฝ่ายก็รับปากด้วยว่าจะไม่ให้เกิดความรุนแรง โดยหลังเกิดเหตุทั้งสองฝ่ายได้โทรศัพท์มาหาตนเอง เพื่อขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้น ส่วนแนวทางการป้องกันหลังจากนี้ ทางมหาวิทยาลัยจะหารือแนวทางกันอีกครั้ง
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล