จากกรณีที่วันนี้ (1 มกราคม) ราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้อำนวยการเลือกตั้งประสานงานส่วนกลาง กล่าวถึงการเลือกตั้งซ่อมเขต 1 จังหวัดชุมพร และเขตเลือกตั้งที่ 6 จังหวัดสงขลา ว่า มีสิ่งที่น่าเป็นห่วงที่ต้องเรียกร้องไปยัง พล.อ. ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้ตรวจสอบกรณีชุดทหารกว่า 100 นายนอกพื้นที่เข้าไปยังพื้นที่เขตเลือกตั้งที่ 1 จังหวัดชุมพร ซึ่งมีความผิดปกติและมีลักษณะของการกดดันการรณรงค์หาเสียงของพรรค จึงเรียกร้องให้ ผบ.ทบ. เร่งตรวจสอบ หากมีการกระทำเช่นนั้นจริง ต้องสั่งการให้ชุดทหารถอยออกไป เข้ากรม เข้ากอง อย่าเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเลือกตั้งซ่อม
ในเวลาต่อมา กองทัพบกได้ออกมาชี้แจงโดยระบุว่า ตามที่มีการเสนอข่าวกรณีพรรคการเมืองระบุว่า อาจมีทหารลงพื้นที่ในการเลือกตั้งที่จังหวัดชุมพร และขอให้กองทัพบกดำเนินการนั้น พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า กรณีข่าวที่เกิดขึ้น พล.อ. ณรงค์พันธ์ รับทราบแล้ว และได้สั่งการให้แม่ทัพภาคที่ 4 ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง รวบรวมข้อมูล และรายงานให้กองทัพบกทราบโดยด่วน อย่างไรก็ตาม หากมีส่วนใดที่ไม่ดำเนินตามนโยบาย ต้องได้รับการพิจารณาและรับผิดชอบในสิ่งที่ตนเองกระทำ ทั้งในเรื่องวินัยทหารและกฎหมายบ้านเมือง
พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ กล่าวต่อไปว่า กองทัพบกในฐานะกลไกหนึ่งของรัฐ มีนโยบายที่ชัดเจนในเรื่องการเมือง และดำเนินการตามเจตนารมณ์มาโดยตลอดคือ การวางตัวเป็นกลางทางการเมืองในทุกการเลือกตั้งอย่างเคร่งครัด รวมทั้งการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้กำลังพล ครอบครัว และประชาชน ไปใช้สิทธิเลือกตั้งตามวิถีทางในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขในทุกการเลือกตั้งที่ทางภาครัฐกำหนด นอกจากนี้ยังให้การสนับสนุนคณะกรรมการการเลือกตั้งในทุกระดับเมื่อได้รับการร้องขอ ซึ่งเป็นไปตามแนวทางการปฏิบัติของกองทัพบกในการสนับสนุนการเลือกตั้ง พ.ศ. 2562 ที่กำหนดให้หน่วยทหาร กำลังพล ยึดถือปฏิบัติในทุกการเลือกตั้ง โดยเฉพาะการวางตนเป็นกลาง ไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับฝ่ายการเมืองใดๆ ทั้งนี้ ในทุกการเลือกตั้งที่ผ่านมากำลังพลได้ยึดถือตามแนวทางดังกล่าว และไม่ปรากฏการปฏิบัติใดๆ ที่ไม่เหมาะสม
ทั้งนี้ กองทัพบกขอเรียนว่า หากมีข้อมูลว่ากำลังพลมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในทางการเมือง ก็สามารถดำเนินการแจ้งผู้บังคับหน่วยทหารในพื้นที่ กองทัพบกส่วนกลาง หรือใช้กลไกกฎหมายบ้านเมืองดำเนินการได้ เพื่อร่วมกันสร้างสังคมประชาธิปไตยที่สงบเรียบร้อย โดยขอให้การแจ้งพฤติกรรมดังกล่าวบนข้อมูลพยานหลักฐาน มีการพิจารณาอย่างรอบคอบ เพื่อไม่ให้ทัศนคติหรือความกังวลใจส่วนบุคคลส่งผลต่อภาพพจน์ขององค์กร