วันนี้ (11 มีนาคม) ที่กระทรวงแรงงาน รักชนก ศรีนอก สส. กทม. และ สหัสวัต คุ้มคง สส. ชลบุรี พรรคประชาชน ยื่นหนังสือถึง พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ขอให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนหาข้อเท็จจริงกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในโครงการจัดซื้อจัดจ้างตึกย่านพระราม 9 รวมถึงโครงการที่น่าสงสัยทั้งหมด
สหัสวัตกล่าวว่า ขอให้ดำเนินการตรวจสอบข้อสังเกตว่า เพราะกระบวนการที่ผ่านมาของสำนักงานประกันสังคมมีความน่าสงสัยหลายประการ แม้เรื่องดังกล่าวจะไม่ได้เกิดในสมัยของพิพัฒน์ และ มารศรี ใจรังษี เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม แต่ต้องเป็นสิ่งที่ต้องปัดกวาดเช็ด เพราะสำนักงานประกันสังคมอยู่ในเงามืดมานาน จึงต้องทำให้ทุกอย่างโปร่งใสตรวจสอบได้ โดยเฉพาะการเปิดเผยมติของบอร์ดต่างๆ ส่วนที่มีการตั้งข้อสงสัยหลายเรื่อง หากรัฐมนตรีให้ความสำคัญในการตรวจสอบจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกันตนทุกคน
ขณะที่รักชนกกล่าวว่า วันนี้พิพัฒน์รับลูกแล้ว ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี เพราะเราตั้งใจจะมายื่นหนังสือในเวลานี้เพื่อให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนเรื่องต่างๆ ซึ่งตอนนี้มีการดำเนินการไปแล้ว ยืนยันว่าเรื่องนี้ที่เกิดขึ้น แม้ไม่ได้เกิดขึ้นในสมัยของพิพัฒน์ แต่ไม่ต้องร้อนใจ ขอให้ถือโอกาสนี้ในการปัดกวาดเช็ดถูสิ่งปฏิกูลที่กัดกินกองทุนประกันสังคม หากท่านเห็นว่าไม่เหมาะไม่ควร ตนเองยินดีเป็นหนังหน้าไฟยืมชื่อไปใช้ได้ ตอนนี้ตนเองส่งให้รัฐมนตรีหวานมากน่าจะเอาโอกาสนี้จัดการสิ่งต่างๆ ให้เข้ารูปเข้ารอย โอกาสนี้เป็นโอกาสที่เหมาะ
อย่างไรก็ตาม แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พูดน้อยเกินไปเรื่องการปราบปรามทุจริตตลอดเวลาที่ดำรงตำแหน่งมา ไม่ได้โฟกัสเรื่องการปราบปรามทุจริตคอร์รัปชัน ไม่มีมาตรการอย่างตรงไปตรงมา ทั้งหมดไม่ได้ยินออกจากปากของนายกฯ เรื่องต่างๆ ทั้งเว็บแอป 850 ล้าน ปฏิทินประกันสังคม และความน่าสงสัยการบริหารงบประมาณของสำนักงานประกันสังคม มันคือภาพสะท้อนของหน่วยงานรัฐราชการของประเทศไทย
“ประกันสังคมคือภาพสะท้อนหน่วยงานต่างๆ ภายใต้รัฐราชการ เป็นเพียงเศษเสี้ยวเดียว กรมเดียวในบรรดาหลายกระทรวง คิดว่ากรมอื่นจะไม่มีหรือ จึงอยากเห็นมาตรการที่ชัดเจนจากรัฐบาลมากกว่านี้” รักชนกกล่าว
ทั้งนี้ การที่ สส.จะเข้ามาพูดคุยกับรัฐมนตรีได้ เป็นเรื่องที่ยากมาก ครั้งนี้ตนเองนับถือพิพัฒน์ ที่ท่านมายืนพูดคุยแลกเปลี่ยน และมาให้ตนเองเหน็บแนมก็นับถือ จึงอยากให้ใช้โอกาสนี้ในการปฏิรูปกองทุนประกันสังคม เพราะอยากให้ท่านเป็นคนที่ผู้ประกันตนสรรเสริญไม่อยากถูกคนด่าสาปแช่งเหมือนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานคนที่ผ่านมาที่ทำกับกองทุนประกันสังคมไว้
ขณะที่พิพัฒน์กล่าวชี้แจงเรื่องที่กองทุนประกันสังคมลงทุนในสินทรัพย์นอกตลาด ซื้อตึกย่านพระราม 9 มูลค่าเกือบ 7,000 ล้านบาทว่า การลงทุนดังกล่าว เป็นการลงทุนในกองทุนทรัสต์ที่ กลต.รับรอง ยืนยันว่าไม่ได้แก้ตัวให้ สุชาติ ชมกลิ่น อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เพราะด้วยหลักการเดียวกัน
ตนเองในฐานะผู้กำกับดูแลกระทรวงแรงงานหากจะมีการซื้อหรือจัดจ้างมันคงอยู่ในลักษณะเดียวกันคือ ทุกขั้นตอนเมื่อมีการประเมินเรียบร้อย เราต้องเข้าสู่คณะอนุกรรมการต่างๆ โดยเฉพาะคณะอนุกรรมการการลงทุน เพื่อส่งต่อไปยังคณะกรรมการอื่นๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ก่อนจะนำเข้าสู่คณะกรรมการประกันสังคมชุดใหญ่ ที่มาจากการเลือกตั้ง
พิพัฒน์กล่าวว่า ตนเองไม่ได้บอกว่าเราเป็นคนที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในทุกเรื่อง แต่ตนเองมาจากภาคธุรกิจ อะไรที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจอาจจะมีความรู้มากกว่าสักนิดหนึ่ง ด้วยวัยวุฒิที่แก่กว่าอาจจะมองโลกหรือมองสิ่งต่างๆ มากกว่า แต่คนแก่ไม่ใช่จะทำถูกทุกเรื่อง คนแก่อาจจะทำผิดในทุกเรื่องก็ได้
ในการบริหารราชการ ตั้งแต่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจนกระทรวงแรงงาน ทุกสิ่งที่ตนเองต้องทำคือ ต้องเสมอตัว ทำอย่างไรให้นำเงินเข้ามาสู่ประเทศ ทำอย่างไรให้ผู้ใช้แรงงานไปสู่เป้าหมายที่ต้องการ ทำอย่างไรให้การบริหารในส่วนราชการมีความโปร่งใสที่สุด
พิพัฒน์กล่าวต่อว่า พร้อมรับคำวิพากษ์วิจารณ์และการตรวจสอบทุกมิติ มั่นใจว่าทีมงานตั้งแต่ปลัดกระทรวงแรงงานหรือกลุ่มไหนก็แล้วแต่ พร้อมพิสูจน์ขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้างตึกดังกล่าว ยืนยันว่ากระบวนการจัดซื้อจัดจ้างมีครบ หลังจากนี้จะให้สำนักงานประกันสังคมเปิดเผยข้อมูลทั้งหมด เพราะไม่ใช่ความลับ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า บุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน ในฐานะอดีตเลขาธิการประกันสังคม ไม่มาแถลงข่าวด้วยหรือ พิพัฒน์ กล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องที่ท่านจะต้องมาแถลงข่าวตรงนี้ ท่านมีเวทีของท่าน เมื่อตนเองออกมาหารือกับ สส.ทั้ง 2 คน ตนเองมารับเอกสารตามเจตนารมณ์ ตัวแทนผู้ที่ถูกตรวจสอบก็คือ ประกันสังคม จึงได้เชิญเลขาธิการประกันสังคมมา ไม่ได้เชิญปลัดกระทรวงแรงงานมาร่วมสังฆกรรมในเวทีนี้
พิพัฒน์กล่าวย้ำว่า ขั้นตอนทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการทั้งหมด ซึ่งเลขาธิการประกันสังคมจะต้องเป็นผู้ชงเรื่อง ข้อมูลทั้งหมดผ่านกระบวนการก็ต้องไปที่คณะอนุกรรมการพิจารณา และนำเข้าคณะกรรมการประกันสังคมชุดใหญ่ เพื่อเป็นผู้เคาะ Yes-No ถ้า YES ก็เป็นการรับผิดชอบร่วมกันตั้งแต่ เลขาธิการประกันสังคม ไปจนถึงบอร์ดประกันสังคม ต้องร่วมรับผิดชอบทุกคน เมื่อใครเข้ามารับหน้าที่สิ่งนี้คือความรับผิดชอบ
