วันนี้ (21 มิถุนายน) ที่บริเวณศาลกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ถนนพิษณุโลก พิชิต ไชยมงคล แกนนำกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) กล่าวถึงกิจกรรมในวันที่ 28 มิถุนายนนี้ว่า วันนี้ได้หารือกับกลุ่มคณะ โดยใช้ชื่อกลุ่มรวมพลังแผ่นดิน ไม่ได้มีแกนนำ เพื่อให้ทุกคนมีส่วนร่วมกัน โดยผลการประชุมมีมติว่า จะทำการชุมนุมใหญ่ในวันที่ 28 มิถุนายน โดยใช้เวลาทั้งหมด 5 ชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 16.00-21.00 น. ซึ่งจะมีเนื้อหาที่สำคัญบางประการที่ต้องเปิดเผยในวันดังกล่าว ที่เป็นขั้นตอนทางกฎหมายที่ยืนยันได้ว่า แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กระทำผิดขั้นตอนและเอื้อประโยชน์ให้กับประเทศกัมพูชา
ส่วนกิจกรรมก่อนวันที่ 28 มิถุนายน ทางกลุ่มจะชักชวนประชาชนทั้งประเทศ ให้แสดงสัญลักษณ์ว่าเป็นฝ่ายประเทศไทย ด้วยการติดธงชาติที่รถยนต์ รถจักรยานยนต์ รถจักรยาน หรือการแต่งกายตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และร่วมกันรณรงค์ผ่านโซเชียลโดยผ่านแฮชแท็ก #28มิถุนาเรามาแน่ ซึ่งเป็นการรณรงค์ร่วมกันเพื่อให้ประชาชนมาร่วมชุมนุมที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
ส่วนกิจกรรมในสัปดาห์หน้าจะมีการทำกิจกรรมรณรงค์ในกรุงเทพมหานคร เพื่อเชิญชวนให้มาร่วมชุมนุมกันให้มากที่สุด
24 มิถุนายน: ทำกิจกรรมที่ทำเนียบรัฐบาล โดยนำแผ่นผ้าที่ร่วมกันเขียนไปร้องทำเนียบรัฐบาล และนำรายชื่อไปยื่นให้กับเจ้าหน้าที่
25 มิถุนายน: รณรงค์รอบกรุงเทพมหานครและจะเดินทางไปยังพรรครวมไทยสร้างชาติ เนื่องจากทางพรรคยังไม่มีท่าทีที่ชัดเจนว่าจะร่วมรัฐบาลต่อหรือไม่
26 มิถุนายน: รณรงค์ทำกิจกรรมทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด ที่ศาลากลาง ในการร่วมกันร้องเพลงชาติเวลา 18.00 น. เพื่อแสดงสัญลักษณ์ว่าเป็นฝ่ายประเทศไทย
27 มิถุนายน: มวลชนเดินทางมาสมทบกันที่เวทีการชุมนุม
28 มิถุนายน: ชุมนุมใหญ่
พิชิตกล่าวอีกว่า เนื้อหาการยกระดับการชุมนุม จะขอประกาศวันที่ 28 มิถุนายน เพราะทางกลุ่มประเมินแล้วเชื่อว่า นายกรัฐมนตรีคงไม่ลาออกในเร็ววันนี้ ดังนั้นจึงต้องทำกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง ส่วนจะยกระดับรูปแบบใดจะขอประกาศในวันดังกล่าว ทั้งนี้คาดหวังว่าอยากให้มีมวลชนเดินมาร่วมชุมนุมกันมากที่สุด และเริ่มมีการติดต่อมาจากพี่น้องหลายจังหวัดแล้ว
ส่วนที่พรรคเพื่อไทยยืนยันว่านายกรัฐมนตรีจะไม่ลาออกนั้น พิชิตยืนยันว่า ไม่กังวล เพราะที่ผ่านมาตั้งแต่สมัย ทักษิณ ชินวัตร และ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก็ต้องการรักษาเสถียรภาพของรัฐบาลอยู่แล้ว และมองว่าการลาออกจะเป็นการยอมรับความพ่ายแพ้ จะส่งผลต่อการเลือกตั้งของพรรคเพื่อไทยทำให้ไม่สามารถกลับมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้ ดังนั้นการดื้อดึงอยู่ไปไม่เป็นผลดีต่อพรรคเพื่อไทยและไม่เป็นผลดีต่อแพทองธาร
ส่วนที่มีกระแสข่าวที่นายกรัฐมนตรีจะลาออกหลังผ่านร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 นั้น พิชิตกล่าวว่า เป็นเพียงกระแสข่าว เพื่อลดกระแสความเคลื่อนไหวของพี่น้องประชาชน
เมื่อถามว่า สมเด็จฮุน เซน ออกมาโพสต์ถึงนายกรัฐมนตรีเป็นแผลที่ทำให้พรรคร่วมรัฐบาลต้องตัดสินใจนั้น พิชิตกล่าวว่า ตั้งแต่แผลแรกแล้วที่พรรคร่วมรัฐบาลต้องตัดสินใจ ดังนั้นต้องตั้งคำถามว่าพรรคร่วมรัฐบาลคำนึงถึงเสถียรภาพเก้าอี้ตำแหน่งรัฐมนตรีมากกว่าประเทศไทยหรือไม่ ไม่ต้องมีคลิปหรือภาพหลุดหลังจากนี้แล้ว เพราะใบเสร็จที่ฮุนเซนปล่อยออกมาในคลิปเสียง เป็นการบั่นทอนอธิปไตยของชาติ และหากพรรคร่วมรัฐบาลยืนยันจะรักษาอธิปไตยต่อประเทศชาติ ถึงเวลาที่จะยืนฝั่งประเทศไทยด้วยการลาออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล
เมื่อถามอีกว่า ที่นายกรัฐมนตรีเดินทางไปพบแม่ทัพภาคที่ 2 และเยี่ยมให้กำลังใจทหารที่บริเวณช่องบก อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี พิชิตกล่าวว่า เป็นแค่การกลบกระแสข่าวความขัดแย้ง เพราะวันนี้มีความขัดแย้งอย่างชัดเจนระหว่างกองทัพกับรัฐบาล ซึ่งทางกลุ่มมีหลักฐานที่จะใช้เปิดในวันที่ 28 มิถุนายน เพราะแก้วที่มันร้าวแล้วกลับมาคืนดีไม่ได้ ฝ่ายกองทัพเข้าใจเรื่องนี้และอึดอัดกับเรื่องนี้ เพียงแค่ไม่เปิดเผยความขัดแย้งออกสู่สาธารณะ
ส่วนการตอบโต้ทางเศรษฐกิจของไทยชัดเจนพอหรือไม่ที่จะดำเนินการกับกัมพูชา พิชิตระบุว่า ฝ่ายกองทัพก็เสนอเรื่องการตอบโต้ทางเศรษฐกิจอย่างชัดเจน ตนเองคิดว่าเพื่อเป็นการรบอย่างไม่ให้เกิดการสูญเสียทั้งสองฝ่าย การตอบโต้ทางเศรษฐกิจเป็นการกดดันอีกรูปแบบหนึ่ง เพราะความเสียหายจากการสูญเสียชีวิตมันเรียกคืนไม่ได้ แต่การสูญเสียทางเศรษฐกิจสามารถสร้างได้ใหม่ จึงมองว่ามาตรการทางเศรษฐกิจเป็นมาตรการหนึ่งที่กดดันกัมพูชาได้
ด้าน พล.ต.ต. อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 เปิดเผยถึงมาตรการการดูแลรักษาความปลอดภัยกลุ่มผู้ชุมนุมว่า สำหรับมาตรการดูแลความปลอดภัย ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการวางกำลังไว้แล้ว ซึ่งจะเป็นการดูแลทั้งเรื่องความปลอดภัยและจราจร โดยการชุมนุมวันนี้ไม่ได้มีกิจกรรมอะไรมากมายเนื่องจากเป็นวันหยุด ทำเนียบรัฐบาลจึงไม่มีคนมาทำงาน ส่วนการชุมนุมใหญ่ในวันที่ 28 มิถุนายนที่จะถึงนี้ ทางตำรวจเองก็มีการประชุมสำหรับการวางกำลังเพื่อดูแลประชาชนไว้แล้วเช่นกัน
