วันนี้ (13 กันยายน) วันนี้ (13 กันยายน) รักชนก ศรีนอก สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กทม. พรรคประชาชน แสดงความคิดเห็นกรณีการแต่งตั้งบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีในรัฐบาลภายใต้การนำของอนุทิน ชาญวีรกูล โดยระบุว่า ขณะที่หลายคนกำลังจับตามองรัฐมนตรีคนนอก เธอสนใจเพียงไม่กี่ชื่อ หนึ่งในนั้นคือ พัฒนา พร้อมพัฒน์ ลูกชายของสันติ พร้อมพัฒน์ ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เนื่องจากเห็นว่าพ่อของเขาไม่สามารถดำรงตำแหน่งได้เพราะขาดคุณสมบัติ จึงส่งต่อให้ลูกเหมือนเป็นสมบัติของครอบครัว
ส่วนเรื่องความรู้ความสามารถ รักชนกชี้ว่า โควต้าส่วนนี้ไม่น่าจะเลือกที่ความสามารถเป็นหลัก สิ่งที่น่าสนใจคือ นายพัฒนา เป็นเจ้าของ บริษัท วอเตอร์เกท พาวิลเลี่ยน จำกัด ซึ่งเป็นอดีตเจ้าของ ตึก SKYY9 มือแรก ก่อนจะขายต่อให้บุคคลอื่น
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2568 หลังจากไอซ์และเนมเปิดเผยข้อมูลประกันสังคมไม่นาน พัฒนาได้จัดแถลงข่าวชี้แจงกรณีตึก SKYY9 ยืนยันว่าตระกูลพร้อมพัฒน์ไม่เกี่ยวข้องกับการขายตึกให้สำนักงานประกันสังคม แต่ในอดีต บริษัท วอเตอร์เกท พาวิลเลี่ยน ได้ซื้อตึก SKYY9 (เดิมชื่อ Cas Capital หรือ ตึก I.C.E.) เมื่อปี 2560 ซึ่งสภาพทรุดโทรม แต่ไม่ได้ตอบว่าซื้อในราคาเท่าไร
หลังจากรีโนเวต ตึกขายต่อให้ บริษัท เอจีอาอี 101 ในราคาประมาณ 2,000 ล้านบาท เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2562 ส่วนการเปลี่ยนมือหลังจากนั้นไม่ทราบรายละเอียด และไม่แสดงความเห็นกรณีราคาตึก SKYY9 ที่เพิ่มเป็น 7,000 ล้านบาท ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าทำไมขายปี 62 ในราคา 2,000 ล้านบาท แต่ไม่กี่ปีต่อมา สำนักงานประกันสังคมกลับซื้อในราคา 7,000 ล้านบาท ภายใต้การอำนวยความสะดวกของบริษัท MFC
รักชนกระบุว่า แม้ก่อนหน้านี้อนุทินจะตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงแล้ว พบว่าลงทุนราคาสูงเกินจริงและเร่งรีบ ทำให้กองทุนประกันสังคมเสียประโยชน์ หากประชาชนยังหาคนผิดไม่ได้ ก็คงตั้งคำถามต่อ นายกฯ อนุทิน ว่าตั้งใจปกป้องคนผิดหรือไม่ การแต่งตั้งรัฐมนตรีที่มีปัญหาเรื่องคอร์รัปชัน อาจสร้างปัญหาให้รัฐบาล ดังนั้นเธอฝากถึงนายกฯ ให้ใช้เวลา 4 เดือนให้ดีที่สุดเพื่อลากคนผิดมาลงโทษ
นอกจากนี้ รักชนกยังกล่าวถึงตรีนุช เทียนทอง ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน โดยระบุว่ามีการล็อบบี้อย่างหนักในคณะกรรมการสอบกรณีตึก SKYY9 ของกระทรวงแรงงาน ทำให้ประธานลาออก เกิดสุญญากาศในการสอบสวนต่อจนกว่าจะมีรัฐมนตรีตัวจริง เธอสัญญาติดตามการทำงานอย่างใกล้ชิดและหวังให้ดำเนินการตรงไปตรงมา แม้รัฐบาลมีอายุเพียง 4 เดือน แต่หากตั้งใจทำก็ยังทัน และผู้ประกันตนรอคอยการจัดการเรื่องนี้มานานแล้ว
อ้างอิง :
