โบรกฯ จับตารัฐหนุนจัดตั้งกองทุนพยุงหุ้น หวังช่วยรองรับภาวะตลาดผันผวน หลัง ตลท. กลับมาใช้เกณฑ์ Short-Sell ปกติ ขณะที่โค้งสุดท้ายไร้กองทุน LTF ช่วยหนุนตลาดเป็นปีแรก และต่างชาติยังขายต่อเนื่อง
บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ไอร่า เปิดเผยว่า ตลาดอาจได้รับจิตวิทยาเชิงบวกต่อประเด็นรัฐบาลเตรียมถกการตั้งกองทุนพยุงหุ้นไทยกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้บ้าง ซึ่งจะต้องติดตามอย่างใกล้ชิดเพื่อดูรายละเอียดอีกครั้ง รวมทั้งยังมีมุมมองเชิงบวกต่อการทยอยออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม บล.ไอร่า คาดว่าการกลับมาใช้เกณฑ์ Short-Sell ปกติ (Zero Plus Tick) จะทำให้มูลค่าการ Short-Sell กลับมาสูงขึ้น และส่งผลตลาดหุ้นไทยผันผวนมากขึ้น อีกทั้งอาจจะกดดันหุ้นในกลุ่ม Big Cap. ให้อ่อนตัวลง และยังเป็นปัจจัยจำกัด Upside การฟื้นตัวของตลาดได้อยู่
อย่างไรก็ตาม บล.ไอร่า ยังมีความเป็นห่วงแนวโน้มความไม่แน่นอนทางการเมืองที่มีโอกาสกลับมาเป็น Noise รบกวนตลาดได้อีกครั้ง หลังมีความเคลื่อนไหวทั้งทางฝั่งรัฐบาลและฝ่ายค้าน รวมทั้งแนวโน้มการชุมนุมของประชาชนปลดแอกที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้อีกครั้ง คาดจะยังเป็นปัจจัยจำกัดการฟื้นตัวของตลาดหุ้นไทยได้อยู่
ด้านฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส (ASPS) ระบุว่า หากย้อนดูความสัมพันธ์ของแรงซื้อหุ้นในอดีตพบว่า ต่างชาติเคยเป็นผู้ผลักดันตลาดหุ้นไทยเป็นหลักตลาดหุ้นไทย แต่ระยะหลังมานี้ แม้ต่างชาติขายหุ้นไทยตั้งแต่ปี 2556 จนถึงปัจจุบัน มาแล้วกว่า 8.68 แสนล้านบาท (ปรับตามมูลค่าตลาด) ส่งผลให้สัดส่วนการถือครองต่างทั้งทางตรงและผ่าน NVDR ลดลงจาก 35.66% ลงมาจนปัจจุบันเหลือเพียง 25.69% ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์
อย่างไรก็ตามยังดีที่มีแรงซื้อจากนักลงทุนสถาบันฯ ตั้งแต่ปี 2556 จนถึงปัจจุบัน มาคอยพยุงตลาดหุ้นอย่างต่อเนื่องกว่า 5.64 แสนล้านบาท โดยหนึ่งแรงซื้อที่สำคัญ คือ กองทุน LTF ที่มีเม็ดเงินเข้ามา 4.5-7.6 หมื่นล้านบาทต่อปี
สำหรับการวิเคราะห์เฉพาะปีนี้ พบว่า การเคลื่อนไหวของ SET Index มีความสอดคล้องเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับแรงซื้อขายจากกองทุนมากขึ้น (Correlation เกือบ 0.6) แต่ในไตรมาส 4 ของปีนี้ เป็นปีแรกที่ตลาดหุ้นไทยจะขาดเม็ดเงินกองทุน LTF ที่คอยหนุนเหมือนทุกๆ ปี ซึ่งสัดส่วนในการซื้อมักกระจุกตัวในช่วงไตรมาสสุดท้ายกว่า 66% หรือราว 3-5 หมื่นล้านบาท ทำให้ตลาดขาดแรงขับในช่วงที่เหลือของปี
นอกจากนี้เดือนกันยายน 2563 ยังเป็นเดือนที่สถาบันฯ ขายสุทธิหุ้นไทยมากที่สุดนับตั้งแต่ต้นปี กว่า 1.2 หมื่นล้านบาท ซึ่ง Momentum ในการขายระยะสั้นยังมีอยู่ จากการปรับพอร์ตเตรียมเงินมาซื้อหุ้น IPO ขนาดใหญ่ อย่าง SCGP ในช่วงต้นของเดือนตุลาคม รวมถึงตลาดอาจมีความผันผวนมากขึ้นจากการปรับเกณฑ์ Short Sales
ดังนั้นในยามที่ต่างชาติยังขายสุทธิหุ้นไทย และแรงขับเคลื่อนจากจากนักลงทุนสถาบันฯ อาจลดน้อยลงอย่างมีนัย จากการขาดแรงหนุนของกองทุน LTF กลยุทธ์การลงทุนยังคงแนะนำหุ้นกลางเล็ก ที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง และไม่ถูก Short Sales ในช่วงเดือนกันยายน 2563
เรียบเรียง: จารุวรรณ เอี่ยมยิ่งพานิช
ติดตามข่าวสารการลงทุนเพิ่มเติมได้ที่: www.efinancethai.com
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล