หลายคนที่ดู Netflix อาจจะเคยผ่านตากับเรียลิตี้โชว์ที่ชื่อว่า Queer Eye และตอนนี้รายการดังกล่าวกำลังออกอากาศซีซันที่ 2 พร้อมปล่อยข่าวดำเนินการสร้างซีซันที่ 3 เป็นที่เรียบร้อย Queer Eye เป็นเรียลิตี้โชว์เมกโอเวอร์ว่าด้วยเรื่องของเกย์ 5 คนที่รวมตัวกันเพื่อเข้ามาเปลี่ยนแปลงผู้ชายให้ดูดีขึ้น โดยทั้ง 5 คนนี้ต่างมีความถนัดกันคนละแบบ
โจนาธาน, แอนโทนี, แทน, บ็อบบี้, คาราโม
แอนโทนี โปโรวสกี ผู้เชี่ยวชาญเรื่องไวน์และอาหาร, โจนาธาน แวน เนสส์ ผู้ที่สนใจเรื่องเส้นผมและมีซาลอนของตัวเอง, บ็อบบี้ เบิร์ก อินทีเรียดีไซเนอร์ ดูแลเรื่องการแต่งบ้านเพื่อสะท้อนตัวตนจากภายใน, คาราโม บราวน์ ผู้ชี้นำเรื่องการปรับตัวและวัฒนธรรมต่างๆ และสุดท้าย แทน ฟรานส์ ผู้เชี่ยชาญเรื่องสไตล์ในการปรับลุคให้ผู้ชายทุกคนดูดีขึ้นได้ในแบบที่เป็นตัวเอง
วันนี้เราจะพูดในเรื่องราวและหน้าที่ของ แทน สไตลิสต์ผู้จะช่วยปรับเปลี่ยนลุคของแขกรับเชิญในแต่ละตอนเพื่อให้ทุกคนมีชีวิตที่ดีขึ้นและดูมั่นใจกับสิ่งที่เปลี่ยนไปโดยที่ยังคงตัวตนของตัวเองได้ด้วย
แทนเคยบอกไว้ในรายการว่า “สไตล์ไม่ใช่แฟชั่น มันคือตัวตนของคุณที่ไม่ใช่สินค้าแฟชั่นที่มาไวไปไว เพราะฉะนั้นผมไม่สนใจเรื่องแฟชั่นเลย สไตล์คือการแต่งตัวในแบบที่คุณรู้สึกมั่นใจ เหมาะสมกับอายุและรูปร่างของคุณ”
EP.1: Turn Cap To Be Flat Cap
เปิดตัวตอนแรกโดยเริ่มจากการพา ทอม วัย 57 ปี เข้าร้านวินเทจที่เขาไม่เคยเข้ามาก่อน และถือเป็นการตอบโจทย์ของคนสูงวัยที่ต้องประหยัด แต่ก็ยังอยากแต่งตัว ซึ่งร้านวินเทจที่แทนเลือกเป็นร้านที่เหมาะกับทอมมาก และคำแนะนำที่ทอมได้รับคือการเปลี่ยนแปลงจากหมวกแก๊ปที่มีปีกปกปิดใบหน้ามาเป็นแฟลตแก๊ป ซึ่งในครั้งแรกแทนให้ลองหมวกสาน แต่ทอมไม่มั่นใจ ซึ่งแทนก็ไม่ได้บังคับและเลือกที่จะให้ทอมใส่หมวกแฟลตแก๊ปที่เขาไม่รู้สึกแตกต่าง และยังทำให้เขามั่นใจมากขึ้นกว่าเดิม
Tip: แฟลตแก๊ปช่วยเปิดใบหน้าให้โล่งขึ้นเพื่อโชว์หน้าและยังเพิ่มความสว่างของใบหน้าได้ดีกว่าหมวกแก๊ปปกติอีกด้วย
EP.2: T-Shirt To Be Comfortable Print Shirt
เบน ชาวอินเดีย อายุ 36 ปี สตาร์ทอัพผู้สร้างแอปพลิเคชัน เขามีชีวิตที่ทุกวันเหมือนเดิม ไม่เคยเปลี่ยนการแต่งตัว เราจะเห็นเขาในลุคซ้ำๆ เสื้อยืดกางเกงสบายๆ ซึ่งแทนได้แนะนำให้เขาปรับการแต่งตัวให้ดูเหมาะสมกับหน้าที่การงาน เพิ่มความมั่นใจในการพรีเซนต์และขายงานด้วยการเลือกใส่สูทในแบบไม่เป็นทางการมากนัก
Tip: ใส่เสื้อเชิ้ตลายกราฟิกแล้วนำเบลเซอร์สีพื้นมาสวมทับเพื่อลดลายกราฟิกให้น้อยลง สวมกางเกงผ้าที่ดูคล้ายยีนส์ แต่จริงๆ คือผ้าลินิน จบลุคด้วยรองเท้าผ้าใบ เท่านี้ก็ได้ลุคที่ไม่ทางการมากเกินไปและดูดีขึ้นสำหรับเบนอีกด้วย
EP3: Make It Fit
ทอดด์ ชายหนุ่มที่กำลังจะจัดงานครบรอบแต่งงาน เขาต้องการเปลี่ยนชีวิตเพื่อให้ภรรยาและลูกๆ ประทับใจ โดยเฉพาะในวันพิเศษ เขาต้องการความพิเศษ แต่ด้วยความที่ทอดด์เป็นคนแต่งตัวแบบสบายๆ เสื้อยืด กางเกงคาร์โกขาใหญ่ หรือกางเกงขาสั้นใส่สบาย ทำให้แทนต้องปรับการแต่งตัวเพื่อเน้นให้เห็นรูปร่างที่ดีขึ้น เขาเลือกสกินนี่ยีนส์ให้แล้วบอกว่าเป็นกางเกงที่สร้างมาเพื่อให้ใครก็ตามที่สวมใส่ดูตัวเล็กลง
จากนั้นเขาพาทอดด์ไปร้านตัดสูทเพื่อวันครบรอบแต่งงาน สิ่งที่แทนแนะนำตรงใจเรามากๆ เขาบอกว่าในการตัดสูทเราต้องให้ความร่วมมือกับช่าง อย่าเอาแต่บอกว่าโอเคๆ เราต้องบอกทุกอย่างที่ต้องการจนกว่าจะได้ชุดที่สมบูรณ์แบบ
Tip: การใส่สูทที่มีกระดุม 2 เม็ด ให้ติดเฉพาะกระดุมเม็ดบนเท่านั้นก็พอ
EP.4: To Gay Or Not Too Gay
เป็นตอนที่กลุ่ม Fab Five เข้าไปดูแล เอเจ เกย์ที่ยังไม่เปิดตัว พวกเขาพยายามเปลี่ยนทัศนคติต่างๆ ของเอเจ และสิ่งที่เห็นได้ชัดเจนคือความคิดเรื่องการใส่เสื้อพอดีตัวที่ไม่ใช่ว่าจะดูเกย์เสมอไป มันขึ้นอยู่กับบุคลิกภาพของผู้สวมใส่มากกว่า
แทนได้ช่วยเปลี่ยนลุคของเอเจจากที่ดูมีอายุกลายเป็นลุคสตรีทด้วยเสื้อเชิ้ตและเสื้อโปโลพอดีตัวทำให้เอเจมั่นใจมากขึ้น ทั้งยังเข้าใจตัวเอง กล้าเป็นตัวเองในแบบที่เป็น
Tip: เสื้อโปโลพอดีตัวทำให้เห็นโครงสร้างชัดมากขึ้น และคำพูดที่โดนสุดๆ ของแทนคือ “ถ้าคุณมีหุ่นที่น่าอวด จงอวดมันซะ”
EP.5: Pay Attention
บ็อบบี้ คุณพ่อลูก 6 รูปร่างเล็กที่ต้องการจัดงานแต่งงานอีกครั้ง หลังจากเคยจัดครั้งแรกแล้วพังไม่เป็นท่า ปัญหาของเขาคือการที่ให้เวลากับครอบครัวอย่างเต็มที่ ทั้งดูแลภรรยา ลูกๆ และการทำงาน จนทำให้เขาลืมที่จะใส่ใจตัวเอง เสื้อผ้าที่เขาใส่จะเป็นเสื้อโปโลไซส์ใหญ่และกางเกงคาร์โกตัวโคร่งอยู่เสมอ
เขาอยากเปลี่ยนแปลงให้ภรรยาและลูกๆ ประทับใจ แทนช่วยดูแลลุคด้วยการเปลี่ยนเป็นเสื้อยืดและแจ็กเก็ตพอดีตัว กางเกงตัวใหญ่ก็แทนที่ด้วยยีนส์พอดีตัว เพียงเท่านี้บ็อบบี้ก็กลายเป็นคนใหม่ที่ตัวเขาเองแทบจะลืมเลือนไปแล้วเช่นกัน
Tip: ถ้ายังไม่มั่นใจกับการใส่ลายปรินต์ก็ลองใส่ลายทางก่อนได้
EP.6: Start With Your Own Clothes
มาถึงผู้ชายอีกคนที่ยังไม่ประสบความสำเร็จและยังอยู่ในบ้านยุค 70s ที่เป็นมรดกตกทอด ดูเหมือนเขาติดอยู่กลางทางที่ไม่กล้าก้าวต่อ สะท้อนผ่านการแต่งตัวในชุดกางเกงขาสั้นและเสื้อยืดแบบเดิมๆ ทุกวัน
แทนช่วยให้เขามั่นใจมากขึ้นด้วยการหยอดเสื้อยืดสีชมพูลงไปในโททัลลุคสีดำ เพียงเท่านี้ก็ช่วยให้เขาสดใสมากขึ้น กล้าที่จะเป็นตัวของตัวเอง และกล้าจะลองเปลี่ยนสิ่งต่างๆ ดูเสียที
Tip: แทนกล่าวว่า “การที่คุณใส่ใจกับเสื้อผ้าไม่ได้แปลว่าคุณอ่อนแอ มันแปลว่าคุณจริงจังกับชีวิตที่อยากมีมากกว่า”
EP.7: Taking Control of Your Self-confidence
โจ เป็นนักพูดคอเมเดียนที่แสนเศร้า เขาถูก Fab Five แปลงโฉมครั้งใหญ่เพื่อให้เขามีความมั่นใจในการขึ้นไปพูดบนเวทีอีกครั้ง โจถูกแทนปรับลุคที่เรียกว่าสไตล์ขี้เกียจให้เป็นชุดที่เสริมบุคลิกภาพเพื่อให้ขึ้นเวทีแสดงเดี่ยวไมโครโฟนได้อย่างมั่นใจ ต่อให้มุกจะไม่ผ่าน แต่เขาก็จะไม่เลิกล้มความฝัน
แทนแนะนำว่าผู้ชายทุกคนควรมียีนส์สีน้ำเงิน ยีนส์สีดำ ยีนส์ฟอกสี และเสื้อเชิ้ตเรียบๆ ที่ใส่ได้กับทุกสไตล์ แน่นอนว่ามันดีกว่าเสื้อยืดตัวโคร่งที่ซื้อมาแบบไม่ได้ใส่ใจ
Tip: โจเป็นคนไม่มีเนื้อหัวไหล่ แต่มีเนื้อช่วงกลางลำตัว จึงต้องใส่เสื้อไซส์ใหญ่กว่าตัวนิดหน่อยและพับแขนเสื้อขึ้น มันจะทำให้ฟิตเข้ากับรูปร่างพอดี
EP.8: Hose Before Bros
ตอนสุดท้ายของซีซันแรก Fab Five มาเพื่อการกุศลกับการเปลี่ยนแปลงสถานีดับเพลิงและระดมทุนจากชุมชนเพื่อใช้ในการทำงาน ภารกิจครั้งนี้พวกเขาทั้ง 5 ยังต้องช่วยปรับลุค เจเรมี นักดับเพลิงผู้ไม่รู้จักคำว่าแฟชั่น
แทนช่วยเปลี่ยนลุคจากกางเกงขาสั้นตัวโคร่งที่ทำให้เขาดูเตี้ย และรองเท้าแตะยางเป็นรองเท้าใส่สบายที่ดูดีขึ้น พร้อมกับพาไปร้านสูทเพื่อเลือกสูทพอดีตัว ในตอนแรกเจเรมีคิดว่าตัวเองไม่เหมาะกับร้านสูท แต่พอได้ลองใส่กางเกงชิโนพอดีตัวกับสูทเข้ารูป เขาพูดชื่นชมแทนไม่หยุด แทนจึงบอกว่า “คุณเห็นหรือยังว่าพลาดแค่ไหนที่คุณไม่เข้าร้านพวกนี้ นี่เป็นตัวอย่างที่ทำให้เห็นว่าเพียงคุณตัดสินใจเดินเข้าร้าน ลองเสื้อผ้าในลุคที่คุณไม่กล้าใส่ก็อาจจะพบสไตล์ใหม่ที่ลงตัวสำหรับคุณก็ได้”
Tip: กางเกงที่พอดีทั้งตัวแบบทรงสลิมฟิตจะทำให้ช่วงล่างดูเรียวและเพรียวขึ้น
และนี่เป็นเพียงแค่การแนะนำเรื่องเสื้อผ้าในซีซันแรกของ Fab Five จากเรียลิตี้ Queer Eye ถ้าเปิดใจลองดูทุกๆ ตอน คุณจะได้อะไรมากกว่าที่คิดแน่นอน และขอบอกว่าซีซันที่ 2 ยิ่งเข้มข้นและกินใจจนเราต้องวางกล่องทิชชู่ไว้ข้างๆ เพื่อซับน้ำตาที่ไหลออกมาด้วยความปลาบปลื้มใจ
Photo: www.imdb.com, www.zara.com