พลังและอิทธิพลของแพลตฟอร์มสตรีมมิงอย่าง Netflix พอมาอยู่ในสารบบของยุคออนไลน์กับ Instagram, Facebook หรือ Twitter สามารถสร้างชื่อเสียงให้บุคคลอย่างรวดเร็ว และเป็นที่รู้จักภายในข้ามคืนไปทั่วโลก โดยเฉพาะในกลุ่มคน Millenial หรือ Gen Z ที่เป็นตัวแปรสำคัญในการขับเคลื่อนสังคมทุกวันนี้ ซึ่งสิ่งนี้ได้เกิดขึ้นกับ แอนโทนี โปโรวสกี หนึ่งในสมาชิก Fab Five จากรายการเรียลิตี้โชว์ Queer Eye ของ Netflix ที่เขารับหน้าที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอาหาร
สำหรับรายการ Queer Eye ที่ตอนนี้มีสองซีซัน และเพิ่งมีชื่อเสนอเข้าชิงสี่รางวัลบนเวที Emmy Awards ปี 2018 ก็ได้กลายเป็นปรากฏการณ์สำคัญของป๊อปคัลเจอร์ในปีนี้ จนมีดาราอย่าง จีจี้ ฮาดิด, อะรีอานา กรานเด และดูอา ลิปา ต่างหลงรัก และเหล่า The Fab Five ก็กลายเป็นที่สนใจอย่างมหาศาล โดยเฉพาะแอนโทนีที่มีรูปร่างหน้าตาที่เพียบพร้อมจะให้เป็นพระเอกฮอลลีวูดได้ และบริษัทอย่าง Wholefoods, Hanes และ Vita Coco ก็ได้ร่วมงานในฐานะ Influencer ลงภาพแบบ Paid Partnerships บนอินสตาแกรม แต่กว่าผู้ชายคนนี้จะมาเป็นบุคคลที่หลายคนอยากให้เป็นเพื่อน พี่ชาย ลูก แฟน หรือสามี เขาก็ลองผิดลองถูกมาเยอะ และผ่านสิ่งต่างๆ ที่มนุษย์เราต้องเผชิญหมด
แอนโทนีเกิดเมื่อวันที่ 14 มีนาคม ปี 1984 ที่เมืองมอลทรีออล ประเทศแคนาดา ภายในครอบครัวที่คุณพ่อคุณแม่อพยพมาจากประเทศโปแลนด์ และเขาเป็นลูกคนสุดท้อง และมีพี่สาวอีกสองคน ซึ่งแอนโทนีสามารถพูดได้สามภาษา อังกฤษ โปแลนด์ และฝรั่งเศส โดยเขาเรียนจบด้านจิตวิทยาจาก Concordia University ในมอลทรีออล และมีความคิดที่จะทำงานสายจิตบำบัดต่อ แต่เพราะเขาสนใจด้านงานแสดงด้วย แอนโทนีเลยตัดสินใจย้ายไปมหานครนิวยอร์ก เพื่อลองไปออดิชันงานต่างๆ ซึ่งเขาก็จะได้บทตัวประกอบเช่นในซีรีส์ The Blacklist (2014) และภาพยนตร์เรื่อง Elliot Loves (2012) และ Daddy’s Boy (2016) เป็นต้น
แต่ในช่วงเวลาที่แอนโทนีพยายามทุ่มเทให้งานแสดง เขาก็ทำงานร้านอาหารไปด้วยเพื่อหารายได้และเลี้ยงดูตัวเอง ซึ่งด้านอาหารก็เป็นสิ่งที่เขาซึมซับมาตั้งแต่เด็กกับการเติบโตมาในร้านอาหารโปแลนด์ของครอบครัว ซึ่งในนิวยอร์ก แอนโทนีเริ่มจากการเป็นเด็กเสิร์ฟ ก่อนจะไต่อันดับมาเป็นซอมเมอลิเยร์ ที่เป็นคนแนะนำไวน์ในร้านอาหารและผู้จัดการร้านซูชิ แต่จุดเปลี่ยนของแอนโทนีก็เกิดขึ้นหลังจากเขามีโอกาสได้เจอและทำงานเป็นผู้ช่วยของ เท็ด อัลเลน เป็นเวลาสองปี ซึ่งโลกกลมเพราะเท็ดเคยเป็นหนึ่งในสมาชิกของ The Fab Five ฉบับดั้งเดิมรายการ Queer Eye For The Straight Guy ในตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารเหมือนกัน และเป็นคนผลักดันให้แอนโทนีไปออดิชัน Queer Eye เวอร์ชันใหม่ของ Netflix ที่ลอสแอนเจลิสห้าวันเต็ม ซึ่งมีคนไปนับพัน ก่อนจะมาลงเอยที่ห้าคนสุดท้ายกับแอนโทนี, แทน ฟรานส์, โจนาธาน แวน เนสส์, บ็อบบี เบิร์ก และคาราโม บราวน์
ตั้งแต่ Queer Eye ซีซันแรกฉายเมื่อต้นปี แอนโทนีก็กลายเป็นสมาชิกที่ได้รับความสนใจมากที่สุดคู่กับ โจนาธาน แวน เนสส์ กูรูด้านกรูมมิง ซึ่งทั้งคู่มีคนติดตามบนอินสตาแกรมกว่า 1.8 ล้านคนแล้ว โจนาธานจะมีความจัดจ้าน ตลก และกล้าแสดงออก ส่วนแอนโทนีก็จะมีอีกขั้วด้วยความนิ่ง ขี้อาย และเซนสิทีฟสูง แต่แอนโทนีก็โดนวิพากษ์วิจารณ์พอสมควร ว่าเขาดูเหมือนไม่มีเรซูเม่และทักษะการทำอาหารที่ดีพอจะมาอยู่ในรายการโทรทัศน์ และชอบทำสูตรอาหารผิดเพี้ยนไปจากตำรา เช่น ใช้กรีกโยเกิร์ตทำกัวคาโมเล แต่แอนโทนีก็ได้ออกมาโต้ตอบว่า รายการ Queer Eye ไม่ได้สร้างมาเป็นแพลตฟอร์ม เพื่อให้เขาต้องมาโชว์สกิลล้ำเลิศว่าทำอาหารเป็น เพราะในแต่ละอีพี หลายฮีโร่ที่เขาต้อง Makeover ก็ไม่รู้วิธีการทำอาหารเลย ซึ่งจะมาสอนให้ทำอาหาร 8 คอร์ส ก็อาจยากไป แอนโทนีเลยเลือกทำอาหารที่เบสิกและทุกคนสามารถลองทำได้
ส่วนอีกหนึ่งประเด็นที่คนได้พูดถึงก็คือ แอนโทนีอาจไม่ได้ใช้ชื่อเสียงในการพูดถึงเรื่องราวสิทธิของกลุ่ม LGBTQ มากพอ ถ้าเทียบกับสมาชิกคนอื่นๆ ใน Queer Eye ซึ่งแอนโทนีก็ยอมรับว่า เขาเองก็ต้องปรับตัวที่มาเป็นคนของประชาชน และกำลังเรียนรู้เรื่องราวประวัติศาสตร์ของคนรักเพศเดียวกันทุกแง่ทุกมุม ซึ่งแต่ก่อนแอนโทนีเป็นคนที่เก็บเรื่องรสนิยมทางเพศเป็นเรื่องส่วนตัว เพราะเขามองว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และตลอดชีวิตเขาก็เดตกับผู้หญิงเป็นหลัก ก่อนที่จะคบหาผู้ชายแค่สองคนในชีวิต ซึ่งหนึ่งในนั้นคือแฟนคนปัจจุบัน โจอี้ ครีเตมเยอร์ ครีเอทีฟไดเรกเตอร์เว็บไซต์ขายของวินเทจ 1stdibs ที่คบหากันมากว่า 7 ปีแล้ว โดยแม้แต่การจะ Come Out กับครอบครัว แอนโทนียังเลือกตอนวัย 20 กว่ากับการส่งอีเมลหาคุณพ่อก่อนขึ้นเครื่องบิน หลังคุณพ่อไปส่งที่แอร์พอร์ตแล้วถามแอนโทนีว่าทำไมลูกเขาเป็นคนเก็บตัวเงียบเรื่องส่วนตัว ซึ่งในอีเมลนั้นเขาเขียนว่า “เพราะพ่อพูดประเด็นนี้ขึ้นมา ผมคิดว่ามันถึงเวลาที่ต้องบอกว่า ผมรักและมีคนที่รักผม ซึ่งผู้ชายคนนั้นชื่อโจอี้ และเราใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน”
มาในวันนี้ชื่อเสียงของแอนโทนีก็ดูเหมือนจะไม่น้อยลง และ Queer Eye ก็กำลังจะมีซีซันสามที่จะไปถ่ายที่แคนซัสซิตี้ในรัฐมิสซูรี ส่วนอีกสองโปรเจกต์เดี่ยวที่น่าติดตามของเขาก็คือ การทำหนังสืออาหารที่จะรวบรวมกว่าร้อยสูตร และแอนโทนีก็จะเปิดร้านอาหารคอนเซปต์ ‘Fast Casual’ ที่นิวยอร์ก แบบอาหารจานด่วนที่ไม่ใช่ Junk Food
บางคนอาจคิดว่า ช่วงนี้แอนโทนีเหมือนกำลังฉวยโอกาสกับกระแสที่ได้รับ และทำทุกอย่างแม้แต่ถ่ายแคมเปญกางเกงในของยี่ห้อ Hanes ซึ่งเรียกเสียงฮือฮามากมาย แต่เขาก็ตอบกับทางนิตยสาร Elle ฉบับอเมริกาอย่างฉลาดและเป็นคนจริงว่า “ในอนาคตผมอยากเลี้ยงหมาคอร์กี้เป็นฝูง มีชีวิตที่ดี สร้างกองการกุศล และช่วยเหลือพี่สาวของผมที่กำลังต้องทำสเต็มเซลล์เพื่อรักษาโรคมัลติเพิล สเคลอโรซิส ที่เธอเป็น ซึ่งถ้าผมสามารถเปลี่ยนชีวิตของเธอได้กับการต้องมาถ่ายแคมเปญกางเกงสองสามอัน ผมก็โอเคมากนะที่จะทำ”
Cover Photo: Taylor Miller for Gay Times
อ้างอิง: