ทีมช่างภาพ THE STANDARD มุ่งหน้าสู่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เพื่อบันทึกภาพปรากฏการณ์ฝนดาวตกควอดรานติดส์ ซึ่งจะเกิดช่วงระหว่างวันที่ 28 ธันวาคม ถึง 12 มกราคมของทุกปี สำหรับปี 2563 มีอัตราการตกสูงสุด
หลังเที่ยงคืนของวันที่ 3 มกราคม ถึงรุ่งเช้าวันที่ 4 มกราคม ช่วงที่เหมาะแก่การสังเกตการณ์ที่สุด คือเวลาประมาณ 02.30 น. เป็นต้นไป ศูนย์กลางการกระจายอยู่ระหว่างกลุ่มดาวเฮอร์คิวลีส กลุ่มดาวคนเลี้ยงสัตว์ และกลุ่มดาวมังกร ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ปีนี้คาดมีอัตราการตกสูงสุดถึง 120 ดวงต่อชั่วโมง ประกอบกับคืนดังกล่าวไม่มีแสงจันทร์รบกวน จึงเหมาะแก่การสังเกตการณ์เป็นอย่างยิ่ง ผู้สนใจชมปรากฏการณ์ฝนดาวตกควรเลือกสถานที่ท้องฟ้ามืดสนิท ไม่มีแสงไฟรบกวน สามารถดูได้ด้วยตาเปล่า ไม่จำเป็นต้องมองผ่านกล้องโทรทรรศน์
ศุภฤกษ์ คฤหานนท์ หัวหน้างานบริการวิชาการทางดาราศาสตร์ สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (สดร.) กล่าวเพิ่มเติมว่า เนื่องจากในช่วงเดือนมกราคมประเทศไทยอยู่ในช่วงฤดูหนาว สภาพท้องฟ้าส่วนใหญ่มีทัศนวิสัยดีมาก เหมาะแก่การดูดาวเป็นอย่างยิ่ง คืนวันที่ 3 มกราคม ถึงรุ่งเช้าวันที่ 4 มกราคม 2563 ดวงจันทร์ตกเวลาประมาณเที่ยงคืน ช่วงเวลาดังกล่าวจึงไร้แสงจันทร์รบกวน เป็นโอกาสดีที่จะได้ชื่นชมความสวยงามของฝนดาวตกควอดรานติดส์ต้อนรับทศวรรษใหม่ (ค.ศ. 2020) นี้
ฝนดาวตกควอดรานติดส์ (Quadrantids Meteor Shower) เกิดจากเศษอนุภาคที่หลงเหลือของดาวเคราะห์น้อย 2003 อีเอช1 (2003 EH1) ที่โคจรตัดผ่านวงโคจรของโลก เมื่อโลกเคลื่อนที่เข้าใกล้บริเวณดังกล่าว เศษหินและฝุ่นของดาวเคราะห์น้อยจะถูกแรงดึงดูดของโลกดึงเข้ามาเผาไหม้ในชั้นบรรยากาศโลก เกิดเป็นลำแสงวาบ หรือบางครั้งเกิดเป็นลูกไฟขนาดใหญ่ (Fireball) ฝนดาวตกดังกล่าวตั้งชื่อตามกลุ่มดาวควอดแดรนส์ มูราลิส (Quadrans Muralis) หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่ากลุ่มดาวเครื่องมือเดินเรือ ซึ่งเป็นกลุ่มดาวที่เคยมีในแผนที่ดาวในช่วงศตวรรษที่ 19 (ปัจจุบันได้ถูกยกเลิกไปแล้ว) อยู่ระหว่างกลุ่มดาวเฮอร์คิวลีส กลุ่มดาวคนเลี้ยงสัตว์ และกลุ่มดาวมังกร
อ่านบทความที่เกี่ยวข้องได้ที่ thestandard.co/now-next-2020-astronomy-outer-space