ปตท. 9 เดือนแรกปีนี้ กำไรสุทธิทรุดแรง 20% YoY เหลือ 6.46 หมื่นล้านบาท โดนกระทบจากธุรกิจสำรวจ-ผลิตปิโตรเลียม ปิโตรเคมี และการกลั่น มีผลการดำเนินงานที่ลดลงถูกกดดันหนักจากราคาน้ำมันดิบดูไบที่อ่อนตัวลง และค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น
ภัทรลดา สง่าแสง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บมจ.ปตท. (PTT) แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ระบุว่า สถานการณ์ความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ในหลายพื้นที่ ประกอบกับความไม่แน่นอนทาง การค้าโลก จากนโยบายการขึ้นนภาษีตอบโต้ (Reciprocal tariffs) ของสหรัฐฯ ยังคงเป็นปัจจัยกดดันการเติบโต ของเศรษฐกิจและราคาพลังงานอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ราคานํ้ำมันดิบดูไบใน 9 เดือนแรกปี 2568เฉลี่ยอยู่ที่ 71.3 เหรียญสหรัฐ ต่อบาร์เรล อ่อนตัวลงจากในเก้าเดือนแรกของปี 2567 ที่ระดับ 81.6 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ส่งผล ให้ใน 9 เดือนแรกปี 2568 ปตท. และบริษัทย่อยมีผลการดําเนินงานลดลงตามราคาขายที่ลดลง ตามราคานํ ้ามันอ้างอิงใน ตลาดโลก ประกอบกับค่าเงินบาทเฉลี่ยแข็งค่าขึ ้นเมื่อเทียบกับ 9 เดือนแรกปี 2567
โดยใน 9 เดือนแรกปี 2567ค่าเงินบาทเฉลี่ยอยู่ที่ 35.9 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ขณะที่ใน 9 เดือนแรกปี 2568 ค่าเงินบาทเฉลี่ยอยู่ที่ 33.3 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ส่งผลให้รายได้ ที่อ้างอิงเงินสกุลเหรียญสหรัฐปรับตัวลดลง อย่างไรก็ดี กลุ่มปตท. มีการบริหารความเสี่ยงด้าน อัตราแลกเปลี่ยนจากการทํา Natural Hedge ซึ่งช่วยจํากัดผลกระทบจากการแข็งค่าของเงินบาทต่อการ ดำเนินงานในภาพรวม
ได้ระบุถึงภาพรวมธุรกิจที่ยังคงเผชิญความท้าทายจากปัจจัยภายนอก ปตท. และบริษัทย่อย มีผลการดำเนินงานที่ลดลงตามราคาขายที่ลดลง จากราคาน้ำมันอ้างอิงในตลาดโลก ประกอบกับค่าเงินบาทเฉลี่ยที่แข็งค่าขึ้นจาก 35.9 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ ใน 9 เดือนแรกปี 2567 มาอยู่ที่ 33.3 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ ใน 9 เดือนแรกปี 2568 ส่งผลให้รายได้ที่อ้างอิงเงินสกุลเหรียญสหรัฐฯ ปรับตัวลดลง
ปตท. รายได้ ลดลงกว่า 3.4 แสนล้านบาท
ผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกปี 2568 รายได้ลดลงกว่า 3.4 แสนล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกปี 2568 ปตท. และบริษัทย่อยมีตัวเลขทางการเงินที่สำคัญดังนี้
- รายได้จากการขาย จำนวน 2,023,666 ล้านบาท ลดลง 14.5% หรือ 342,414 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ 9M2567 ที่มีรายได้ 2,366,080 ล้านบาท
- กำไรสุทธิ จำนวน 64,632 ล้านบาท ลดลง 20.0% หรือ 16,129 ล้านบาท จาก 9 เดือนแรกปี 2567 ที่มีกำไรสุทธิ 80,761 ล้านบาท
- EBITDA จำนวน 257,957 ล้านบาท ลดลง 14.8% จาก 9 เดือนแรกปี 2567
- ผลการดำเนินงานที่ลดลงเป็นผลมาจากราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยใน 9 เดือนแรกปี 2568 ที่อ่อนตัวลงมาอยู่ที่ 71.3 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล จาก 81.6 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลใน 9 เดือนแรกปี 2567
นอกจากนี้ กลุ่มธุรกิจสำคัญหลายส่วนมีผลการดำเนินงานลดลง ได้แก่กลุ่มธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม ลดลงจากราคาขายเฉลี่ยที่ลดลงตามราคาตลาดโลก
- กลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น ลดลงจาก Market GRM ที่ลดลง รวมถึงส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์กับวัตถุดิบของกลุ่มอะโรเมติกส์และโอเลฟินส์ที่ปรับตัวลดลง
- กลุ่มธุรกิจก๊าซฯ ลดลงจากธุรกิจโรงแยกก๊าซฯ และธุรกิจจัดหาและค้าส่งก๊าซฯ ที่ปริมาณขายลดลง เนื่องจากมีการนำเข้า LNG โดย New Shippers เพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม ใน 9 เดือนแรกปี 2568 ปตท. มีผลขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันสุทธิลดลงเหลือประมาณ 4,000 ล้านบาท เทียบกับ 9 เดือนแรกปี 2567 ที่ขาดทุนประมาณ 14,300 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังมีการรับรู้รายการที่ไม่เกิดขึ้นประจำ (Non-recurring Items) เป็นกำไรสุทธิภาษีประมาณ 5,000 ล้านบาท โดยหลักจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการซื้อกิจการในราคาต่ำกว่ามูลค่ายุติธรรมของการเข้าซื้อหุ้นและควบรวมโรงกลั่น
สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 ปี 2568 เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปี 2568 มีข้อสังเกตดังนี้
- รายได้จากการขาย ลดลง 4.4% จากไตรมาส 2 ปี 2568 มาอยู่ที่ 646,689 ล้านบาท
- EBITDA เพิ่มขึ้น 9.0% มาอยู่ที่ 85,769 ล้านบาท สาเหตุหลักจากธุรกิจการกลั่นที่พลิกกลับมามีกำไรจากสต๊อกน้ำมันสุทธิประมาณ 1,700 ล้านบาท ใน ไตรมาส 3 ปี 2568 เทียบกับขาดทุน 7,200 ล้านบาท ในไตรมาส 2 ปี 2568
- กำไรสุทธิ ลดลง 8.1% มาอยู่ที่ 19,784 ล้านบาท 14เนื่องจากการรับรู้กำไรพิเศษใน ไตรมาส 2 ปี 2568 ที่ 4,200 ล้านบาท ที่สูงกว่ากำไรพิเศษใน ไตรมาส 3 ปี 2568 ที่ 900 ล้านบาท
ยืนยันฐานะการเงินแข็งแกร่ง เดินหน้า Asset Monetization
ปตท. ยังคงมุ่งมั่นสร้างผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้นและดูแลผู้มีส่วนได้เสียอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งมีการบริหารจัดการตามทิศทางและแผนกลยุทธ์อย่างมีประสิทธิภาพ
ในไตรมาส 3 ปี 2568 ปตท. ได้เร่งดำเนินการตามแผนกลยุทธ์ A1 (Asset Monetization) โดยการรวมทรัพย์สินด้านโครงสร้างพื้นฐานและโลจิสติกส์ เช่น ถังเก็บน้ำมันและท่าเทียบเรือ มาไว้ที่ บริษัท พีทีที แทงค์ เทอร์มินัล จำกัด (PTT Tank) เพื่อเป็น Infrastructure Flagship และสร้าง Synergy ภายในกลุ่ม
ด้านฐานะการเงิน ณ 30 กันยายน 2568 กลุ่ม ปตท. ยังคงมีความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง
- เงินสดและเงินลงทุนระยะสั้น อยู่ในระดับสูงที่ 413,718 ล้านบาท
- หนี้สินรวม ลดลง 6.5% หรือ 115,059 ล้านบาท จากสิ้นปี 2567 มาอยู่ที่ 1,666,848 ล้านบาท โดยหลักจากการชำระคืนเงินกู้ยืมระยะยาวของบริษัทในกลุ่ม
- อันดับความน่าเชื่อถือ ปตท. ได้รับการจัดอันดับในระดับที่แข็งแกร่งเทียบเท่าระดับประเทศ สะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อพื้นฐานของบริษัท


