บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล หรือ PTTGC หนึ่งในกิจการด้านปิโตรเคมีในเครือปตท. รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/64 มีกำไรสุทธิ 7,005 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 671% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 908 ล้านบาท ปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากราคาขายผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้นตามราคาน้ำมันดิบทั่วโลก รวมถึงรายได้ที่เติบโตขึ้นตามความต้องการ หลังเศรษฐกิจทั่วโลกเปิดขึ้นอีกครั้ง
PTTGC เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 3/64 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2564 กำไรสุทธิ 7,005.21 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 1.56 บาท เติบโตขึ้น 671% จากงวดเดียวกันของปีก่อน กำไรสุทธิ 908.38 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.20 บาท
ส่วนงวด 9 เดือน ปี 2564 กำไรสุทธิ 41,734.81 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 9.30 บาท เพิ่มขึ้น 772% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ขาดทุนสุทธิ 6,204.99 ล้านบาท ขาดทุนต่อหุ้น 1.38 บาท
บริษัทมีรายได้จากการขายรวมในไตรมาส 3/64 จำนวน 112,173 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาส 2/64 และเพิ่มขึ้น 47% จากไตรมาส 3/63 โดยรายได้จากการขายรวมมีแนวโน้มการปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เป็นผลมาจากการปรับเพิ่มขึ้นของราคาขายของผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี เนื่องจากปัจจัยสนับสนุนทางด้านอุปสงค์ที่ยังคงดีอย่างต่อเนื่อง และอุปทานที่ตึงตัวจากการหยุดซ่อมบำรุงและการลดกำลังการผลิตของผู้ผลิตบางรายในภูมิภาค เช่นเดียวกับทิศทางราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตามราคาน้ำมันดิบ และอุปสงค์ที่ฟื้นตัวภายหลังจากที่หลายประเทศทั่วโลกเริ่มผ่อนคลายมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด
นอกจากนี้ ในด้านปริมาณขายในไตรมาสนี้ บริษัทมีปริมาณขายในภาพรวมเพิ่มขึ้นจากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีจากการขยายกำลังการผลิต รวมถึงยอดขายที่เพิ่มขึ้นของกำลังการผลิตเดิมระหว่างไตรมาส แม้จะมีปริมาณขายในกลุ่มผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมลดลง เนื่องจากการหยุดซ่อมบำรุงตามแผนในไตรมาสนี้ก็ตาม
ทิศทางการปรับเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันดิบส่งผลให้บริษัทมีต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับสูงขึ้นตาม โดยเฉพาะกลุ่มผลิตภัณฑ์โอเลฟินส์และกลุ่มผลิตภัณฑ์ต่อเนื่อง ส่งผลให้ในไตรมาส 3/64 บริษัทมีกำไรจากการดำเนินงานปกติ (ไม่รวมผลกำไรจากสต๊อกน้ำมัน และการกลับรายการขาดทุนจากรายการมูลค่าสุทธิที่จะได้รับของสินค้าคงเหลือให้เท่ากับมูลค่าสุทธิที่จะได้รับผลขาดทุนทางบัญชีจากอัตราแลกเปลี่ยน ผลขาดทุนจากตราสารอนุพันธ์เพื่อประกันความเสี่ยง) อยู่ที่ 8,657 ล้านบาท ลดลง 17% จากไตรมาส 2/64 แต่เพิ่มขึ้นมากกว่า 200% จากไตรมาส 3/63 และมี Adjusted EBITDA ในไตรมาสนี้อยู่ที่ 14,080 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 8% จากไตรมาส 2/64 แต่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 125% จากไตรมาส 3/63
อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณารวมถึงผลจากการที่บริษัทรับรู้ผลกำไรจากสต๊อกน้ำมัน และการกลับรายการขาดทุนจากการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือให้เท่ากับมูลค่าสุทธิที่จะได้รับ (Stock Gain Net Reversal of NRV) เป็นกำไรรวม 1,171 ล้านบาท ผลขาดทุนจากตราสารอนุพันธ์เพื่อประกันความเสี่ยง 1,676 ล้านบาท และผลขาดทุนทางบัญชีจากอัตราแลกเปลี่ยน 1,147 ล้านบาท ส่งผลให้ในไตรมาส 3/64 บริษัทมีกำไรสุทธิรวม 7,005 ล้านบาท (1.56 บาทต่อหุ้น) ลดลง 72% จากไตรมาส 2/64 โดยในไตรมาส 2/64 บริษัทได้มีบันทึกรายการพิเศษที่เกี่ยวข้องกับการขายหุ้นสามัญของบริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC)
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP