×

ส่องกลยุทธ์ ‘ปตท.’ กับเป้าหมายใหม่ ดันกระแสเงินสดแสนล้าน ลุยปรับโครงสร้างธุรกิจ ฝ่าวิกฤต ‘ชายแดน-ภาษีทรัมป์’

21.08.2025
  • LOADING...
ปตท.

ปตท. เปิดแผนธุรกิจรับมือความผันผวนเศรษฐกิจโลก วิกฤตชายแดนไทย-กัมพูชา และภาษีสหรัฐฯ เตรียมเพิ่มนำเข้า LNG สหรัฐฯ พร้อมปรับกลยุทธ์เปลี่ยนผ่านพลังงาน รุกไฮโดรเจน CCS ตั้งเป้ากระแสเงินสดกว่าแสนล้านบาท

 

คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลกระทบสหรัฐฯเก็บอัตราภาษีตอบโต้ไทย 19% นั้น ปตท. ติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง พร้อมมีแผนรับมือกับทุกสถานการณ์ 

 

โดยล่าสุดเตรียมเพิ่มการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) 1 ล้านตันจากสหรัฐในปี 2569 มูลค่า 500 ล้านเหรียญสหรัฐ และในอีก 5 ปี จะทำสัญญาซื้ออีก 1 ล้านตันเศษ ราว 600 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายใต้โครงการ LNG Alaska ที่รัฐบาลไทยสามารถนำไปเจรจาต่อรอง 

 

รวมทั้งมีความสนใจที่จะนำเข้า LNG ระยะยาวกับบริษัท 8 Star Alaska, LLC กับสหรัฐฯ โดยได้ทำการลงนามร่วมศึกษาและจัดหา ซึ่งเป็นแผนระยะยาวที่จะเกิดขึ้นในอีก 3-4 ปี 

 

“ภาษีทรัมป์เราก็ติดตามสถานการณ์ ซึ่งโลกมีความไม่แน่นอนในหลายเรื่อง ทั้งภูมิรัฐศาสตร์ เศรษฐกิจผันผวน กลุ่มปตท. จะต้องบริหารจัดการและวางแผนการลงทุนอย่างระมัดระวัง รักษาผลตอบแทนที่ดี”

 

แม้ภาษีสหรัฐจึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่เป็นความเสี่ยง แต่ปตท.ตั้งวอร์รูมพร้อม ส่วนกรณีของแหล่ง LNG Alaska นั้นเป็นแหล่งที่มีความน่าสนใจ และมีศักยภาพ สนใจจะซื้อ นำเข้ามา ซึ่งสหรัฐฯ พร้อมที่จะขาย โดยต้องเจรจากันอีก ส่วนราคาก็ไม่ใช่เรื่องยากเพราะมีราคาอ้างอิงตามกลไกทั่วโลก 

 

ขณะที่ประเด็นข้อพิพาทระหว่างไทย-กัมพูชา ปตท. ยอมรับว่า “ประเด็นนี้ก็เป็นหนึ่งในความไม่แน่นอนของภูมิรัฐศาสตร์ แต่เมื่อเทียบกับขนาดของธุรกิจของ ปตท. ที่ไปลงทุนในกัมพูชา ก็ถือว่าไม่ได้ใหญ่มาก และไม่ใช่สัดส่วนหลัก” 

 

อย่างไรก็ตาม ก็ต้องมีการบริหารจัดการ ซึ่งมั่นใจว่าจะมีวิธีต่างๆ เข้ามาดูแล หากจะต้องเปลี่ยนแนวทางธุรกิจในอนาคตไปยังพื้นที่อื่นๆ 

 

ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ปตท.ได้ปรับโครงสร้างธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น โดยทำการปรับ Portfolio กลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมและโรงกลั่น (P&R) เสริมความแข็งแกร่งให้บริษัทเรือธง(Flagships) 

 

โดยเปิดโอกาสให้มีพาทเนอร์เข้ามาช่วยเพิ่มมูลค่า ซึ่งต้องเป็นพาทเนอร์ที่ต้องอยู่ในอุตสาหกรรม และ ปตท. ยังมองว่าเป็นธุรกิจ ‘เรือธง’ และยังถือเป็นหุ้นใหญ่ ซึ่งคาดว่าจะมีการสรุปรายชื่อพาทเนอร์ได้ภายในปี 2568 และตั้งเป้าดำเนินธุรกิจแล้วเสร็จภายในปี 2569

 

ตั้งเป้าปี 69  ดันกระแสเงินสดรวมกว่าแสนล้านบาท

 

นอกจากนี้ ปตท. ยังมีแผนบริหารสินทรัพย์เพื่อเกิดประโยชน์สูงสุดของกลุ่ม ปตท. และปรับโครงสร้างสินทรัพย์ให้เหมาะสม รวมทั้งเสริมสร้างความแข็งแกร่งและวินัยทางการเงินเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยจะมุ่งสร้างกระแสเงินสดให้ได้ 38,000 ล้านบาทในปี 68 และ 77,000 ล้านบาท ในปี 69 รวมเป็นสร้างกระแสเงินสดรวมกว่า 100,000 ล้านบาท

 

ปรับการถือหุ้น Lotus – โครงสร้างธุรกิจ EV – รุกไฮโดรเจน

 

โดยเฉพาะกลยุทธ์เปลี่ยนผ่านพลังงาน ทั้งด้านธุรกิจ Non-Hydrocarbon มีความก้าวหน้าที่ดี เดินตามแผนกลยุทธ์ปรับพอร์ตการลงทุน ส่วนธุรกิจ Life Science ร่วมกับพันธมิตรที่เชี่ยวชาญ สร้างการเติบโตแบบพึ่งพาตนเอง (Self-funding) ปรับการถือหุ้น Lotus ผ่านธุรกรรมการขายหุ้น เพื่อเพิ่มความคล่องตัว รวมทั้งปรับโครงสร้างธุรกิจ EV จำหน่ายเงินลงทุนในบริษัท นีโอ โมบิลิตี้ เอเชีย จำกัด โดยเป็นไปตามกลยุทธ์ที่วางไว้

 

ส่วนธุรกิจไฮโดรเจน ศึกษาโอกาสในการจัดหาแอมโมเนียคาร์บอนต่ำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงร่วมในโรงไฟฟ้าพร้อมลงนามข้อตกลงความร่วมมือศึกษาความเป็นไปได้ทางเทคนิคและเชิงพาณิชย์ในการจัดหาไฮโดรเจนสีเขียวและแอมโมเนียสีเขียวที่ผลิตในประเทศอินเดียสู่ประเทศไทยร่วมกับ Avaada Ventures Private Limited

เสริมแกร่งภายใน  5 ด้าน  เพิ่ม EBITDA 

 

โครงการสำคัญที่จะช่วยยกระดับผลการดำเนินงาน เพิ่ม EBITDA Uplift และสร้างความสามารถในการแข่งขันของกลุ่ม ปตท. จะมีทุกมิติ ควบคู่การลดก๊าซเรือนกระจก และมุ่งศึกษา Eastern Thailand CCS Hub แล้วเสร็จ 

 

  1. การบริหารความร่วมมือด้าน Supply Chain และ Marketing ของตลาดทั้งในและต่างประเทศ ผ่านโครงการ D1 และ Project One (P1) เพื่อยกระดับ Synergy ภายในกลุ่ม ปตท. และเตรียมความพร้อมขยายตลาดผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและปิโตรเคมีทั้งในประเทศและต่างประเทศ

 

  1. เดินหน้า Operational Excellence (MissionX) ปรับปรุงกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพ (Lean Process) ควบคู่กับการทำ Change Management และ Best Practice Sharing เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน

 

  1. ขับเคลื่อน Digital Transformation (Axis) โดยผลักดันให้เกิดการพัฒนา Use Cases สนับสนุนธุรกิจกลุ่ม ปตท. พร้อมทั้งพัฒนา Infrastructure และศักยภาพพนักงาน

 

  1. Asset Monetization (A1) การบริหารสินทรัพย์เพื่อเกิดประโยชน์สูงสุดของกลุ่ม ปตท. เพิ่ม Asset Optimization & Synergy และปรับโครงสร้างสินทรัพย์ให้เหมาะสม

 

  1. Financial Excellence (F1) เสริมสร้างความแข็งแกร่งและวินัยทางการเงินเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน และการสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนที่ดีให้แก่นักลงทุน สอดคล้องพันธกิจสร้างความมั่นคงทางพลังงานและขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ

 

สำหรับผลดำเนินงาน 6 เดือนแรกปี 2568 ยังคงแข็งแกร่ง ด้วยกำไรสุทธิ 44,848 ล้านบาท เทียบกับกำไรสุทธิของทั้งปี 2567 ซึ่งอยู่ที่ 90,072 ล้านบาท ทำให้มั่นใจได้ว่า ‘กลยุทธ์มาถูกทาง’

 

แม้ว่าจะมีความท้าทายจากปัจจัยภายนอก อาทิ สถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ราคาน้ำมันดิบโลกที่ปรับตัวลดลงส่งผลให้มีส่วนต่างของกำไรขาดทุนจากสต็อกน้ำมัน 

 

ประกอบกับความแตกต่างระหว่างราคาขาย และราคาซื้อ (Spread) ของผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและปิโตรเคมีที่ลดลง นอกจากนี้ในปี 2567 ยังมีการรับรู้กำไรจากรายการพิเศษที่มากกว่าปี 2568 ซึ่งเป็นรายการที่ไม่ได้เกิดขึ้นประจำ (Non-recurring Items)

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising