วันนี้ (7 มกราคม) อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า มีความกังวลในการบริหารจัดการวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ที่อาจจะไม่ทั่วถึงประชาชนทุกคนอย่างทันท่วงที โดยเบื้องต้นเห็นด้วยที่กระทรวงสาธารณสุขจัดลำดับความสำคัญในการฉีดวัคซีนให้กับบุคลากรทางการแพทย์ ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงก่อน แต่ประชาชนกลุ่มที่เหลือที่ไม่เข้าเกณฑ์ รัฐได้เตรียมวัคซีนเพียงพอหรือไม่ และเมื่อไรประชาชนจะได้รับวัคซีนครบทุกคน เพราะกว่าที่วัคซีนจะออกฤทธิ์เห็นผลต้องใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือน ทั้งนี้ ยืนยันว่าการได้รับวัคซีนป้องกันโรคระบาดร้ายแรงถือเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของพลเมืองที่จะได้รับจากรัฐบาล คนไทยต้องได้รับวัคซีนทุกคน
อรุณีกล่าวต่อไปว่า สำหรับวัคซีนที่รัฐบาลสั่งมาจากบริษัท Sinovac จากจีน มีราคาถูกกว่าผู้ผลิตที่จำหน่ายราคาสูง แต่ราคาถูกนั้นได้มาตรฐานและมีผลต่อการป้องกันโรคได้มากน้อยเพียงใด เนื่องจากมีข่าวว่า ทางการบราซิลได้สั่งหยุดทดสอบวัคซีน Sinovac จากจีนในขั้นตอนสุดท้ายแล้ว เพราะทำให้เกิดผลร้ายแรงตามมา แต่รัฐบาลไทยยังยืนยันที่จะสั่งซื้อ เพราะถูกกดดันจากสังคมกรณีได้รับวัคซีนล่าช้ากว่าประเทศเพื่อนบ้านทั้งที่สั่งซื้อวัคซีนยี่ห้อเดียวกัน จนเปลี่ยนมาสั่งซื้อกับบริษัท Sinovac ของจีน สะท้อนว่า รัฐบาลนี้ขาดการวางแผนในการรับมือสถานการณ์โควิด-19 อย่างรุนแรง
“ขณะที่สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า บริษัทเจ้าสัวรายใหญ่ของไทยทุ่มเงิน 1.54 หมื่นล้านบาท เข้าถือหุ้น 15% ในบริษัท Sinovac Life Sciences หน่วยผลิตวัคซีน Sinovac เป็นการเตรียมการเพื่อเอื้อผลประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนใหญ่หรือไม่” อรุณีกล่าว
อรุณียังกล่าวด้วยว่า รัฐบาลต้องเร่งเยียวยาประชาชนและผู้ประกอบการรายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากการสั่งปิดธุรกิจ โดยร้านค้ารายย่อยและโรงงานหลายแห่งเลิกจ้างพนักงาน ปิดกิจการ การจ่ายเงินเยียวยาต้องทำให้รวดเร็ว โดยเฉพาะธุรกิจภาคการท่องเที่ยวที่ไม่มีโอกาสฟื้นตัวได้เลย ซึ่งพรรคเพื่อไทยเคยเสนอให้รัฐบาลก่อตั้งธนาคารเพื่อการท่องเที่ยวและพักชำระหนี้ ก่อนที่จะเกิดการระบาดระลอกที่ 2 หากไม่รีบแก้ปัญหาโควิด-19 รอบนี้ อาจจะฝังประชาชนให้ตายทั้งเป็น
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
