วันนี้ (30 เมษายน) สิรภพ อัตโตหิ หรือ แรปเตอร์, ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล หรือมายด์ พร้อมด้วยตัวแทนจากกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม, กลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย และเครือข่าย เดินทางเข้ายื่นหนังสือ 3 สถานทูต ประกอบด้วยสถานทูตสหรัฐอเมริกา, สถานทูตเยอรมนี และสถานทูตสวิตเซอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย เพื่อยื่นจดหมายเรียกร้องให้ทั้ง 3 สถานทูตติดตามสถานการณ์และเข้าเยี่ยมผู้ต้องหาที่ถูกดำเนินคดีในมาตรา 112 และยังไม่ได้รับการประกันตัว โดยเฉพาะพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน และปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง ซึ่งได้อดอาหารและมีอาการป่วย เกรงว่าจะไม่ได้รับการดูแลอย่างเป็นธรรม
สิรภพกล่าวว่า ต้องการให้สถานทูตติดตามสถานการณ์ทางการเมืองและปัญหาของประเทศไทย ที่มีการเรียกร้องให้ปล่อยตัวนักโทษทางการเมือง ซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่ทุกคนจะต้องได้รับสิทธิประกันตัวและออกมาต่อสู้คดีตามขั้นตอนของกฎหมาย เนื่องจากทั้ง 7 คน ศาลยังไม่ได้ตัดสินว่าเป็นผู้กระทำผิด จึงมองว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม โดยเฉพาะเพกวินและรุ้งที่อดอาหารและมีอาการป่วย จึงอยากให้ตัวแทนสถานทูตได้เข้าเยี่ยมและได้เห็นด้วยสายตาตัวเองในสิ่งที่เกิดขึ้น
“ในวันนี้เรายื่นจดหมายโดยมีเนื้อความว่า เราอยากให้สถานทูตได้ติดตามปัญหาทางการเมืองที่เกิดขึ้นในประเทศไทย รวมถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับผู้ที่ถูกคุมขังทางการเมืองอยู่ตอนนี้ โดนเนื้อความในจดหมายได้มีการแจ้งถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และสภาพร่างกายของเพกวินและรุ้ง ที่วันนี้เพกวินอดอาหารเป็นวันที่ 45 และรุ้งครบ 1 เดือนเรียบร้อยแล้ว สภาพร่างกายในตอนนี้ก็ย่ำแย่ ในเนื้อความจดหมายนอกจากจะให้ติดตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับผู้ที่ถูกคุมขังในเรือนจำตอนนี้ ด้วยกฎหมายตาม มาตรา 112 และกฎหมายทางการเมืองต่างๆ ยังต้องการให้ท่านทูตได้ไปเยี่ยมเพื่อนของเราที่อยู่ในเรือนจำ เพื่อจะได้ทราบสถานการณ์ที่เป็นความจริงด้วยสายตาของตัวท่านเอง” สิรภพกล่าว
ด้านภัสราวลีระบุว่า ในช่วงนี้รัฐบาลพยายามใช้สถานการณ์โควิด-19 ในการห้ามทำกิจกรรม ในการเรียกร้องการปล่อยตัว ยิ่งตอกย้ำให้นานาประเทศรู้ว่าเป็นการปิดกั้นเสรีภาพการแสดงออกที่สามารถทำได้ตามประชาธิปไตยอยู่แล้ว ซึ่งไม่มีใครสมควรโดนจับกุม เพราะเป็นการแสดงออกตามสิทธิและเสรีภาพ
ส่วนที่เดินทางเข้ายื่นทั้ง 3 สถานทูต เนื่องจากทั้ง 3 ประเทศ เห็นแก่สิทธิมนุษยชนเป็นหลัก ตอนนี้ไม่สามารถพึ่งพาใครได้ และรัฐบาลไทยไม่ได้ให้ความเป็นธรรมกับประชาชนที่ถูกจับกุม จึงอยากขยายความจริงให้ทั่วโลกและให้ดังอยู่ตลอดเวลา
“เบื้องต้นเราเชื่อว่าทั้ง 3 ประเทศนี้เห็นแก่เรื่องสิทธิมนุษยชนเป็นหลัก เรารู้สึกว่าตอนนี้เราไม่สามารถพึ่งพาใครได้ และรัฐบาลไทยเองก็เท่าที่เห็นไม่ได้ให้ความเป็นธรรมกับเพื่อนของเราที่อยู่ในเรือนจำและประชาชนที่ถูกจับกุมคดีการเมืองเลย เพราะฉะนั้นเราอยากขยายความจริงตรงนี้ให้ทั่วโลกได้รับรู้ และอยากให้ตัวแทนแต่ละประเทศได้เห็นด้วยสายตาตัวเอง เบื้องต้นคาดหวังว่าทั้ง 3 ประเทศจะช่วยจับตาดูอย่างใกล้ชิดเช่นเดียวกับคดีทางการเมืองที่เกิดขึ้นในไทย ด้วยตอนนี้เองสถานการณ์โควิด-19 และหลายๆ อย่างที่รัฐบาลไทยอยากทำให้เรื่องนี้มันดูเงียบๆ ไปด้วย ก็เลยอยากจะยิ่งขยายเรื่องนี้ให้มันยังดังอยู่ตลอดเวลา เพราะเพื่อนเราที่อยู่ในเรือนจำยังไม่ได้รับความยุติธรรม
ส่วนตัวไม่ได้กังวลอะไรที่อาจจะมีสิทธิถูกขังเช่นเดียวกับเพื่อนๆ ถ้าหากถูกขังก็อย่างที่เคยบอก ว่ามันก็เป็นสิ่งที่คอยตอกย้ำให้รู้ว่าในประเทศเรามันเหลือความยุติธรรมอยู่แค่ไหน และมันยิ่งตอกย้ำให้ต่างชาติและทั่วโลกได้รู้ด้วยว่า ณ ตอนนี้ รัฐบาลไทยได้ใช้และบังคับกฎหมายโดยการปิดกั้นเสรีภาพประชาชนในการแสดงออกทางการเมือง ยังยืนยันว่าสิ่งที่ทุกคนออกมาพูด ออกมาแสดงความคิดเห็นนั้น เป็นสิ่งที่ทำได้ตามระบอบประชาธิปไตย ไม่ควรมีใครถูกขังเพราะพวกเขาคิดต่างจากรัฐเท่านั้น” ภัสราวลีกล่าว
สำหรับการดูแลความปลอดภัย ทางตำรวจได้จัดกำลังมาคอยดูแลความเรียบร้อยตามปกติ ไม่มีเหตุการณ์ความวุ่นวายเกิดขึ้นแต่อย่างใด
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล