วานนี้ (7 มีนาคม) ชาวฝรั่งเศสกว่า 1.2 ล้านคนได้ออกมาเดินขบวนประท้วงทั่วประเทศ เพื่อแสดงจุดยืนต่อต้านแผนปฏิรูปของประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ที่ต้องการจะขยายเพดานเกษียณอายุจาก 62 ปี เป็น 64 ปี และยืดจำนวนปีในการส่งเงินสมทบเพื่อรับเงินบำนาญ
การประท้วงวานนี้นับเป็นครั้งที่ 6 ของปี 2023 โดยสหภาพแรงงานเรียกร้องให้ทุกภาคส่วนหยุดงานประท้วงและออกมาร่วมเดินขบวนกันทั่วประเทศ การประท้วงรอบใหม่นี้ได้ดึงดูดให้คนมาเข้าร่วมเป็นจำนวนมากกว่าครั้งก่อนๆ รวมถึงในเมืองมาร์กเซย หนึ่งในเมืองที่ใหญ่ที่สุดของฝรั่งเศส
สหภาพแรงงานรถไฟเรียกร้องให้หยุดงานประท้วงตามความสมัครใจ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการเดินทางด้วยรถไฟทุกสายของประเทศ รวมถึงเส้นทางระหว่างประเทศ เช่น บริการรถไฟของ Eurostar ขณะที่คนงานเก็บขยะและคนขับรถบรรทุกก็ได้เข้าร่วมในการประท้วงด้วย
การประท้วงที่เกิดขึ้นทำให้บริการรถประจำทางและรถไฟใต้ดินในเมืองใหญ่หลายแห่งปั่นป่วน รวมถึงสายการบินต่างๆ โดยมีรายงานว่าในวันอังคารและวันพุธ (7-8 มีนาคม) มีเที่ยวบินสูงถึง 30% ที่ต้องยกเลิกให้บริการ เนื่องจากผู้ควบคุมจราจรทางอากาศหยุดงานประท้วง ส่วนพนักงานของรัฐประมาณ 24% ก็ได้นัดหยุดงานเช่นกัน โรงเรียนหลายแห่งปิดเรียนชั่วคราวเพราะครูนัดหยุดงานประท้วง 1 วัน ขณะที่พนักงานประจำโรงกลั่นน้ำมันและภาคพลังงานก็ร่วมหยุดงานด้วย
สหภาพแรงงาน CGT กล่าวว่า การจัดส่งเชื้อเพลิงจากโรงกลั่นทั่วฝรั่งเศสหยุดชะงักตั้งแต่ช่วงเช้าวันอังคาร ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อปั๊มน้ำมันหลายแห่งหากการประท้วงยังดำเนินต่อไป
อนึ่ง ก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีมาครงได้เสนอแผนปฏิรูปเงินบำนาญ โดยเล็งที่จะขยายเพดานเกษียณอายุจาก 62 ปี เป็น 64 ปี และเพิ่มจำนวนปีที่ประชาชนต้องส่งเงินสมทบเพื่อให้มีสิทธิได้รับเงินบำนาญเต็มจำนวน ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับประชาชนอย่างมาก เนื่องจากพวกเขามองว่านี่เป็นข้อเสนอที่ไม่เป็นธรรมและเพิ่มภาระให้กับพลเมืองชาวฝรั่งเศส โดยผลการสำรวจความคิดเห็นของ IFOP พบว่ามีชาวฝรั่งเศสเพียง 32% เท่านั้นที่สนับสนุนแผนปฏิรูปเงินบำนาญของมาครง ขณะการสำรวจความคิดเห็นของ ELABE พบว่าชาวฝรั่งเศส 56% สนับสนุนการนัดหยุดงาน
อ้างอิง:
