โบรกเกอร์คาดผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์งวดไตรมาส 2/66 จะมีกำไรจากการดำเนินงาน 6.7 พันล้านบาท ยอดขายทะลุ 8.12 หมื่นล้านบาท เติบโตจากไตรมาสก่อน แต่แย่ลงจากงวดปีก่อน ด้านผู้ประกอบการยังเดินหน้าธุรกิจตามแผนงานที่วางไว้ แม้ภาพรวมยังเสียงแตก ไม่มั่นใจการเติบโตทางเศรษฐกิจ ผลกระทบจากการจัดตั้งรัฐบาลล่าช้า
บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เริ่มทยอยประกาศผลประกอบการงวดไตรมาส 2 ปี 2566 นำร่องโดย บมจ.แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ (LPN) พบว่ามีกำไรสุทธิ 87.10 ล้านบาท ลดลง 40.92% ส่วน 6 เดือนแรกปีนี้มีกำไรสุทธิ 232 ล้านบาท ลดลง 31.48% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากยอดขายที่ลดลง
ยอดขาย กำไร Q2/66 หด
ทั้งนี้ โบรกเกอร์ประเมินว่า โดยภาพรวมผลประกอบการของ บจ. กลุ่มนี้ ทั้งยอดขายและกำไรหลักจากการดำเนินงาน จะเติบโตขึ้นเมื่อเปรียบเทียบแบบไตรมาสต่อไตรมาส แต่ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน
โดยบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส คาดการณ์ว่า ยอดขาย (Presale) ของผู้ประกอบการจำนวน 15 ราย จะอยู่ที่ 8.12 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.3% จากไตรมาสก่อน แต่ลดลงเล็กน้อย 1.6% จากงวดเดียวกันของปีก่อน
สินค้าในกลุ่มคอนโดมิเนียมเติบโตได้ดีเมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาสและงวดปี คิดเป็นอัตรา 2% และ 14% ตามลำดับ อยู่ที่ 3.86 หมื่นล้านบาท หรือสัดส่วน 48% ของภาพรวม ขณะที่แนวราบมียอดขาย 4.25 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% จากไตรมาสก่อน แต่ลดลง 12% จากงวดเดียวกันของปีก่อน คิดเป็น 52% ของตลาด
ขณะที่ครึ่งปีแรกมียอดขายสะสมอยู่ที่ 1.57 แสนล้านบาท ใกล้เคียงกับปีก่อน คิดเป็นสัดส่วน 44% ของทั้งปีนี้ที่ 3.55 แสนล้านบาท และมีการเปิดโครงการใหม่ทั้งสิ้น 104 โครงการ มีมูลค่ารวม 1.38 แสนล้านบาท คิดเป็น 30% ของแผนเปิดโครงการใหม่ทั้งปี 2566
ส่วนครึ่งหลังของปีนี้ ประเมินว่ายอดขายจะสูงกว่าครึ่งปีแรกตามแผนเปิดโครงการใหม่ และการส่งมอบโครงการคอนโดมิเนียมใหม่
ด้านบริษัทหลักทรัพย์บัวหลวง ประเมินภาพรวมกำไรหลักไตรมาส 2 ไว้ที่ 6.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% จากไตรมาสก่อน แต่ลดลง 9% จากงวดปีก่อน
กำไรหลักที่ลดลงจากปีก่อนเป็นผลมาจากยอดโอนโครงการที่อยู่อาศัยลดลง และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น ส่วนการเติบโตของกำไรหลักเมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส ได้รับแรงหนุนจากยอดโอนโครงการที่อยู่อาศัยที่สูงขึ้น
ทั้งนี้ คาดการณ์รายได้ที่อยู่อาศัยโดยรวมจะอยู่ที่ 4.1 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากไตรมาสก่อน แต่ลดลง 5% จากปีก่อน และคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจากการขายที่อยู่อาศัยเฉลี่ยจะอยู่ที่ 33.3% ลดลงจาก 33.9% ในไตรมาส 2 ปี 2565 และ 34.2% ในไตรมาส 1 ปีนี้
ตลาดอสังหาโตต่ำกว่าคาดการณ์
สำหรับภาพรวมอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ไทยในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 นั้น ผู้ประกอบการยังมีมุมมองที่แตกต่างกัน ส่วนใหญ่เชื่อมั่นว่ายังเติบโตได้ ขณะที่บางส่วนคาดว่าจะทรงตัว ทำให้ทั้งปีนี้เติบโตต่ำกว่าที่ควรจะเป็น ซึ่งทั้งหมดจะอ้างอิงการเติบโตทางเศรษฐกิจ หรือ GDP และการจัดตั้งรัฐบาลใหม่
โดย อภิชาติ จูตระกูล ประธานกรรมการ รักษาการประธานอำนวยการ และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.แสนสิริ (SIRI) ให้สัมภาษณ์กับ THE STANDARD WEALTH ระบุว่า ภาคอสังหาจะอ้างอิง GDP ปัจจุบัน แม้จะมีปัญหาด้านการส่งออก แต่การฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวก็เข้ามาช่วยสนับสนุน จึงเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยจะยังเติบโตได้ในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ราคาพืชผลทางการเกษตรโลกมีปัญหา และภาวะเอลนีโญ อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยบ้าง
ส่วน ประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ บมจ.อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ (ANAN) มองว่า ช่วงที่เหลือของปีนี้ตลาดอสังหาริมทรัพย์น่าจะเติบโตไม่มาก สะท้อนจากครึ่งแรกของปีนี้ที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์เติบโตได้เพียง 2-3% ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ในระดับ 5% โดยความไม่ชัดเจนทางการเมือง การจัดตั้งรัฐบาลที่ล่าช้า ส่งผลให้เม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจที่เกิดจากการลงทุนสะดุด กำลังซื้อลดลงเพราะขาดความเชื่อมั่น ขณะที่ต่างชาติชะลอทั้งการซื้อและการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในเมืองไทยลง
คงเป้าการเติบโตทั้งปีนี้
อภิชาติกล่าวว่า SIRI ยังคงเป้าหมายแผนงานทั้งปี 2566 นี้ โดยจะเปิดตัว 52 โครงการใหม่ มูลค่ารวมกว่า 75,000 ล้านบาท ทุบสถิติเปิดตัวโครงการใหม่มูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ทั้งนี้ เชื่อมั่นว่าจะมียอดขายที่ 55,000 ล้านบาท รับรู้รายได้ราว 40,000 ล้านบาท ได้ตามเป้าหมาย ซึ่งจะเป็นการสร้างผลงาน All Time High ทั้งรายได้และกำไรสุทธิ เนื่องจากสินค้าของบริษัทกระจายอยู่ในทุกเซกเมนต์ สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ทุกกลุ่ม
ส่วนตลาดลูกค้าต่างชาติยังไม่ได้รับผลกระทบหรือมีการชะลอการซื้อ ดังนั้น ทั้งปีนี้ยังคงเป้ายอดขายตลาดต่างชาติที่ 12,000 ล้านบาท
เช่นเดียวกับประเสริฐที่ยืนยันว่า ANAN จะรับรู้รายได้ทั้งปี 1.3-1.4 หมื่นล้านบาท ตามแผนเติบโต 20% จากปีก่อน เนื่องจากยอดโอนเติบโตต่อเนื่อง และคาดว่ายอดโอนในเดือนสิงหาคมจะดีกว่าเดือนกรกฎาคม เพราะเพียง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมามีการทยอยโอนอย่างต่อเนื่อง โดยไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาโครงการแอชตัน อโศก ลูกค้าส่วนใหญ่เชื่อมั่นและเข้าใจสถานการณ์ดีว่าเป็นเพียงปัญหาที่เกิดขึ้นกับโครงการเดียว ซึ่งบริษัทคาดว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาได้
อย่างไรก็ตาม ภายในไตรมาส 2 และ 3 นี้ อาจมีการทยอยตั้งสำรองฯ จากโครงการดังกล่าว ดังนั้น หากไม่รวมผลการตั้งสำรองฯ ภาพโดยรวมของ ANAN ถือว่ามีการปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น
หุ้นอสังหาน่าลงทุน
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส ให้น้ำหนักการลงทุนกลุ่มอสังหา ‘เท่าตลาด’ เลือกหุ้นเด่นที่มีพื้นฐานดี แนวโน้มกําไรปกติทั้งปีทำนิวไฮ (New High) และจ่ายปันผลจูงใจ ประกอบด้วย บมจ.แสนสิริ (SIRI), บมจ.ออริจิ้น (ORI) และ บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น (SC)
ด้านบริษัทหลักทรัพย์บัวหลวงมอง SIRI, บมจ.พฤกษา โฮลดิ้ง (PSH) และ บมจ.เอพี ไทยแลนด์ (AP) จะเป็นผู้นำการเติบโตของกำไร เมื่อมองไปยังไตรมาส 3 ปีนี้มีแนวโน้มที่ดี โดยมีการเปิดตัวโครงการ มียอดจองซื้อและยอดโอนโครงการที่เพิ่มขึ้น