22 พฤษภาคม 2561 นี้ จะครบรอบ 4 ปีการรัฐประหารโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งยึดอำนาจจากรัฐบาลพรรคเพื่อไทย นำโดยอดีตนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
วันนี้ (17 พฤษภาคม) พรรคเพื่อไทยเปิดที่ทำการพรรคย่านถนนเพชรบุรี นัดแถลงข่าวประเมินผลงาน 4 ปี คสช. แต่ก่อนที่การแถลงข่าวจะเริ่มขึ้น ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สน.มักกะสัน ทั้งในเครื่องแบบและนอกเครื่องแบบมาเฝ้าสังเกตการณ์ พร้อมขอความร่วมมือไม่ให้พรรคเพื่อไทยแถลงข่าว เนื่องจากอาจเข้าข่ายขัดคำสั่ง คสช. ที่ 3 /2558 ห้ามการชุมนุมหรือมั่วสุมทางการเมืองตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป
แกนนำพรรคเพื่อไทยจึงปรับเปลี่ยนเป็นการแสดงความเห็นโดยใช้สมาชิกพรรค 3 คน พูดแทนกรรมการบริหารพรรค ส่วนเนื้อหาการแถลงใช้วิธีการแจกเอกสารต่อสื่อมวลชนแทน
เนื้อหาในแถลงการณ์ใช้คำว่า 4 ปีที่ล้มเหลวของรัฐบาล และ คสช. นำประเทศไปสู่ความมืดมนและอันตราย พร้อมอธิบายถึงความล้มเหลวต่างๆ ทั้งความล้มเหลวในการสร้างความปรองดอง ซึ่งปัจจุบัน คสช. ได้กลายเป็นคู่ขัดแย้งเสียเอง
ความล้มเหลวในการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชัน ซึ่งกลายเป็นเครื่องมือใช้จัดการฝ่ายตรงข้าม แต่เพิกเฉยเมื่อคนในรัฐบาลถูกกล่าวหาเรื่องทุจริต
ความล้มเหลวในการทำให้บ้านเมืองมีประชาธิปไตย มีการเลื่อนเลือกตั้ง 4 ครั้งในรอบ 4 ปี ขณะเดียวกัน คสช. ยังคงคำสั่งห้ามพรรคการเมืองทำกิจกรรมการเมือง แม้กฎหมายพรรคการเมืองจะประกาศใช้มาแล้วตั้งแต่วันที่ 8 ตุลาคม 2560 นอกจากนี้ยังมีคำสั่ง คสช. รีเซ็ตสมาชิกพรรค และยุบสาขาพรรคการเมืองที่มีอยู่แล้วทั้งหมด รวมถึงมีความพยายามอย่างชัดเจนในการสืบทอดอำนาจของ คสช.
ความล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ โดยตลอด 4 ปี คสช. มีการขาดดุลงบประมาณสูงสุดและต่อเนื่อง เริ่มจากปีงบประมาณ 2558 ขาดดุลที่ 2.5 แสนล้านบาท ปี 2559 ขาดดุล 3.9 แสนล้านบาท ปี 2560 ขาดดุล 5.5 แสนล้านบาท ปี 2561 ขาดดุล 6 แสนล้านบาท ขณะที่การส่งออกที่อ้างว่าโตขึ้น 10% ส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่ลงทุนโดยต่างประเทศ จึงไม่มีผลใดๆ ต่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของประชาชนทั่วไป
และสุดท้ายความล้มเหลวในภาวะความเป็นผู้นำของนายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. มีการกระทำและพฤติการณ์ส่อว่าได้เสพติดอำนาจ และวางกลไกเพื่อสืบทอดอำนาจต่อไป เริ่มตั้งแต่การวางกลไกในรัฐธรรมนูญเรื่องที่มาของนายกรัฐมนตรี และที่มาและอำนาจของ ส.ว. การทุ่มเทงบประมาณเพื่อนโยบายต่างๆ ที่มีลักษณะหวังผลทางการเมือง ล่าสุดมีการดูดนักการเมืองจากค่ายต่างๆ เพื่อมาร่วมงานกับตนเอง
นอกจากนี้ ชูศักดิ์ ศิรินิล แกนนำพรรคเพื่อไทย ยังกล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลเตรียมเรียกพรรคการเมืองไปร่วมหารือเพื่อกำหนดการเลือกตั้งในช่วงเดือนมิถุนายนนี้ ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยจะไม่เข้าร่วมการประชุมดังกล่าว เพราะเห็นว่าไม่ใช่หน้าที่ของรัฐบาลในการจัดการเลือกตั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรัฐบาล คสช. เป็นผู้มีส่วนได้เสียในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น จึงยิ่งขาดความชอบธรรมในการประชุมดังกล่าว อีกทั้งยังเห็นว่าหน้าที่จัดการเลือกตั้งเป็นของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จึงควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำหน้าที่ตามกฎหมาย
