วันนี้ (1 พฤศจิกายน) จากกรณีที่กลุ่มราษฎรนัดประชาชนพร้อมกันที่แยกราชประสงค์ เพื่อผลักดันให้เกิดการยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เพจเฟซบุ๊ก คณะก้าวหน้า – Progressive Movement ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความ “หมดเวลา 112 ถึงเวลาคืนอนาคตสังคมไทย” โดยระบุว่า “จะชอบหรือไม่ชอบ แต่เราปฏิเสธความจริงไม่ได้ว่ามีคนจำนวนมากมองสถาบันกษัตริย์ไม่เหมือนที่รัฐไทยพยายามอยากให้มอง มากถึงขนาดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และส่วนใหญ่ก็เป็นเยาวชนที่เป็นอนาคตของชาติด้วย
“ที่ผ่านมามีเยาวชนอนาคตของชาติถูกดำเนินคดีด้วยกฎหมายอาญามาตรา 112 เพียงเพราะพวกเขาพูดความจริงในสังคมไทย และมีบางส่วนที่แม้จะคิด แต่ไม่ได้พูด ไม่ได้แสดงออกเลยยังไม่ถูกดำเนินคดี แต่หากสถานการณ์ในประเทศไทยยังเป็นเช่นนี้ต่อไปแล้ว มโนธรรมสำนึกทำให้เขาต้องพูดความจริง ใครจะรู้ว่าคนคนนั้นจะเป็นใครต่อไปหรือจะเป็นลูกหลานของใครที่ต้องเข้าไปอยู่ในคุกจากการพูดความจริง เมื่อมีคนจำนวนมากมองเห็นเช่นนั้น นี่จึงไม่ใช่เรื่องปัญหาส่วนบุคคล แต่คือภาพใหญ่ในเชิงโครงสร้าง เป็นเรื่องของคนจำนวนมาก เป็นเรื่องของคนทั้งสังคม หากเป็นเช่นนั้นจะจับขังคุกอีกสักกี่คน ก็ไม่สามารถหยุดสายธารของการเปลี่ยนแปลงและหยุดความคิดของพวกเขาไปได้ และที่ผ่านมาก็พิสูจน์แล้วว่าการใช้นิติสงครามมาสร้างความกลัวเพื่อปิดปากไม่สามารถแปรเปลี่ยนเป็นความรักได้ ตรงกันข้ามกลับยิ่งทำให้สถาบันกษัตริย์กลายเป็นคู่ขัดแย้งกับคนทั้งเจเนอเรชันและคนจำนวนมากในสังคมไปด้วย” เพจคณะก้าวหน้าระบุ
เพจคณะก้าวหน้าระบุอีกว่า ทางเดียวเท่านั้นที่จะรักษาสถาบันกษัตริย์เอาไว้ได้ จึงไม่ใช่จับใครก็ตามไปขังไว้ในคุกและสร้างสังคมแห่งความหวาดกลัว แต่คือการต้องปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ให้สอดคล้องกับยุคสมัยและหลักการประชาธิปไตย แม้ว่าการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์จำเป็นต้องใช้พลังของคนเป็นวงกว้าง ทั้งจากฝ่ายที่เห็นด้วยและฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยมาแลกเปลี่ยนพูดคุยกัน เพื่อให้ข้อเสนอเรื่องการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์กลายเป็นความเห็นพ้องต้องกันของสังคม และการที่จะทำให้เกิดสิ่งนั้นได้ ต้องมีรูปแบบการรณรงค์และทำงานทางความคิดที่หลากหลาย ข้อเสนอต่อประเด็นกฎหมายอาญามาตรา 112 ก็เป็นสิ่งสำคัญเพราะมาตรานี้มีปัญหาทั้งตัวบท การนำไปใช้ การตีความ และปัญหาในเชิงโครงสร้าง รวมทั้งยังเป็นเครื่องมือทางการเมืองที่รัฐบาลใช้ดำเนินคดีกับผู้เห็นต่าง กฎหมายมาตรานี้จึงไม่ใช่แค่เป็นกฎหมายหมิ่นประมาทธรรมดา แต่ยังเป็นภาพแทนของสถาบันกษัตริย์ นี่จึงไม่ใช่เรื่องของกฎหมายอย่างเดียว แต่มีความสัมพันธ์กับสถานการณ์ทางการเมืองและประเด็นแวดล้อมอื่นๆ ด้วย เราจึงได้เห็นปัญหาและความท้าทายมากมายในสังคมไทยจากกฎหมายอาญามาตรา 112
นอกจากนี้ เพจคณะก้าวหน้ายังระบุต่อด้วยว่า เพื่อให้การปฏิรูปสถาบันกษัตริย์เป็นไปได้ เพื่อให้กฎหมายอาญามาตรา 112 ถูกพูดคุยถกเถียงเป็นวงกว้าง เพื่อให้เกิดสภาพแวดล้อมที่พูดคุยเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมา และเพื่อให้ประชาชนสามารถรวมตัวกันใช้เสรีภาพในการแสดงออก เพราะทั้งหมดนี้จะทำให้สังคมไทยสามารถเดินออกจากวิกฤต ก้าวไปสู่การออกแบบอนาคตร่วมกันและทำให้ทุกคนทุกฝ่ายทุกอุดมการณ์ความฝันอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ
“ดังนั้น การเกิดขึ้นของราษฎรประสงค์ยกเลิก112 จึงมีความสำคัญต่อขบวนการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์และทำให้ข้อถกเถียงเรื่องมาตรา 112 กลับมาเป็นที่สนใจของสังคมอีกครั้ง ด้วยเหตุนี้พวกเราคณะก้าวหน้าจึงพร้อมเดินหน้าร่วมรณรงค์ล่ารายชื่อให้ได้มากที่สุด และนำประสบการณ์และองค์ความรู้จากการเข้าชื่อเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญขอคนละชื่อรื้อระบอบประยุทธ์ มาสนับสนุนการทำแพลตฟอร์มออนไลน์เข้าชื่อเสนอกฎหมายเพื่อสนับสนุนการรณรงค์ยกเลิกมาตรา 112 ในครั้งนี้ด้วย เนื่องจากตาม พ.ร.บ.เข้าชื่อเสนอกฎหมายฉบับใหม่ ประชาชนสามารถร่วมลงชื่อผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ได้แล้ว โปรดติดตามเร็วๆ นี้” เพจคณะก้าวหน้าระบุทิ้งท้าย
อ้างอิง: